ในขณะที่หลายธุรกิจกำลังหมกหมุ่นว่าจะผลิตสินค้าอะไรดี เพื่อให้ขายได้ดีๆ ลูกค้าอยากซื้อ ในวันนี้เราจะชวนมาทำความรู้จักกับ “นักออกแบบสินค้าที่ดีที่สุดในโลก” ที่รับรองได้ว่าหากคุณเชื่อในคำแนะนำของพวกเขาแล้ว ผลิตภัณฑ์ของคุณจะขายได้ดีอย่างแน่นอน พวกเขาไม่ใช่คนอื่นไกล แต่อยู่ใกล้ๆ ตัวคุณ เพราะเขา คือ ลูกค้าของคุณนั่นเอง!
จะเปลี่ยนลูกค้าเป็นนักออกแบบที่ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณได้ยังไง ไปดูกัน
ให้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วการลดต้นทุนการผลิตสินค้าที่ดีที่สุดตั้งแต่แรก ก็คือ การเลือกผลิตสินค้าที่ใช่ โดนใจตลาดได้มากที่สุด ซึ่งการจะรู้ว่าจะโดนใจตลาดได้หรือไม่นั้น คนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุด ก็คือ ลูกค้าของคุณนั่นเอง ดังนั้นเพื่อไม่ให้ความเสียหายเกิดขึ้นลงทุนทำกำไรได้ตามเป้า ลองให้พวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นก่อนทำผลิตภัณฑ์ออกมา เช่น คุณอยากได้ยาย้อมผมแบบไหน เพราะอะไร มันสามารถช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ยังไง จากนั้นจึงกลับมาดูที่ตัวธุรกิจของเราเองว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้อย่างไรบ้าง เพราะอย่างไรเสียการทำสินค้าออกมาอย่างที่ผู้ซื้อต้องการใช้ อย่างน้อยก็เป็นหลักประกันได้ว่าสินค้าของคุณต้องขายได้แน่นอน
รับคำติชมตลอดทุกช่วงการเข้าถึงสินค้าของลูกค้า
หรือเรียกง่ายๆ ว่า “Customer Journey” เริ่มตั้งแต่การเผยแพร่สินค้าให้เป็นที่รู้จัก ช่องทางการจัดจำหน่าย การขนส่งสินค้า ไปจนถึงประสบการณ์จากการได้ทดลองใช้งานจริง เพื่อให้สินค้าและบริการของคุณสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง คุณควรรับฟังทุกช่วงตลอดของเส้นทาง เช่น มีช่องทางการจำหน่ายน้อยเกินไป หาซื้อยาก หรือใช้แล้วชอบ ไม่ชอบเพราะอะไรบ้าง เพราะการรับฟังก็เหมือนการที่มีคนมาบอกจุดอ่อนของคุณให้ได้รู้ เพื่อจะได้ปรับปรุงพัฒนาแก้ไขให้แข็งแกร่งขึ้นได้นั่นเอง
จัดตั้งตัวกลางในการรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า
เพื่อให้การสื่อสารระหว่างคุณกับลูกค้าสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น ในการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ คุณควรจัดตั้งศูนย์ หรือแผนกในการรับเรื่องร้องเรียน ติชม แสดงความคิดเห็น ไปจนถึงการตอบคำถาม ให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณกับลูกค้าให้เป็นรูปธรรม เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อนำไปสู่การเก็บรวบรวมข้อมูลนำมาปรับปรุงพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
ทดสอบให้มากที่สุด
สุดท้ายแล้วต่อให้เก็บรวบรวมข้อมูลได้มากแค่ไหนก็ตาม แต่หากไม่ได้มีการนำไปทดลองปฏิบัติจริง ข้อมูลที่ได้จากลูกค้าเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้นคุณจึงควรนำมาขบคิด และก็ลงมือทดสอบๆๆ ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงขั้นตอนแรกก่อนที่จะนำออกสู่ตลาด เพื่อป้องกันให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด หรือหากอยู่ในขั้นตอนอื่นซึ่งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอาจจะยากกว่า คุณก็อาจจะค่อยๆ เก็บรวบรวมข้อมูลและลองทดสอบไปทีละน้อยก่อน จนมั่นใจว่าแก้ไขได้อย่างดีแล้ว จึงค่อยลงทุนปรับปรุงในครั้งเดียว
อย่าลืมแจ้งผลลัพธ์
สิ่งสำคัญอีกข้อที่ถือว่าจำเป็นหลังจากที่คุณได้รับคำแนะนำติชมจากลูกค้าแล้ว ก็คือ การตอบกลับหรือแจ้งผลลัพธ์ให้ลูกค้าได้ทราบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับทุกๆ ความคิดเห็นที่ยอมเสียสละเวลามาบอกความต้องการหรือข้อบกพร่องของสินค้าให้คุณได้รับรู้ การทำเช่นนั้นนอกจากจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าแบรนด์มีความใส่ใจลูกค้าแล้ว ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นคนสำคัญของแบรนด์ที่มีส่วนร่วมและอิทธิพลในการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่ยากเลยที่จะช่วยมัดใจพวกเขาให้อยู่กับแบรนด์ได้นานยิ่งขึ้น แถมยังช่วยเป็นหูเป็นตา อะไรที่ดีหรือไม่ดีก็บอก เรียกง่ายๆ ว่าเติบโตไปด้วยกันนั่นเอง
และนี่คือ ทั้งหมด 6 ข้อที่สามารถจะช่วยเปลี่ยนลูกค้าของคุณให้เป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับธุรกิจได้ เพราะพวกเขา คือ คนที่เข้าใจผลิตภัณฑ์ได้ดีที่สุด การทำให้พวกเขารู้สึกเป็นคนสำคัญได้มีส่วนร่วมพัฒนาสินค้าที่พวกเขาได้ใช้จริง คือ การลงทุนสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจได้ดีที่สุดอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี