ด้วยสังคมโลกการสื่อสารที่เติบโตขึ้น ทำให้ทุกวันนี้เราสามารถทำความรู้จัก พูดคุย และแชร์ประสบการณ์กับผู้คนได้มากมาย ทั้งเรื่องราวที่สนใจ หรือสิ่งที่ชอบ จนเกิดเป็นกลุ่มก้อนชุมชนเล็กๆ ขึ้นมาที่เรียกว่า “Fandom” (มีรากศัพท์มาจากคำว่า Fanclub และ Kingdom รวมกัน = อาณาจักรของแฟนคลับ) ไม่ว่าจะเป็นความชอบจากศิลปินในดวงใจ การ์ตูน กีฬา งานอดิเรกต่างๆ
ซึ่งในทางธุรกิจแล้วแฟนด้อมก็เปรียบเหมือนกลุ่มผู้บริโภคหรือลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่มีความชื่นชอบคล้ายกัน โดยหากคนในแฟนด้อมมีความสนใจสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วละก็ ย่อมส่งต่อความชอบนั้นไปสู่เพื่อนๆ ในกลุ่ม จนอาจเกิดเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง รวมถึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในเรื่องที่คล้ายกันก็ได้ โดยการเกิดแฟนด้อมอาจไม่จำเป็นต้องมีการรวมตัวกันเป็นกิจจะลักษณะ แต่อาจเกิดจากการติดตามซึ่งกันและกัน พูดคุยหรือแชร์ข้อมูลในพื้นที่ของตนก็ได้
โควิด – โซเชียลทำยอดแฟนด้อมเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 2 ปี
โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ จากการสำรวจของ ฮาคูโฮโด อาเซียน หรือ ฮิลล์ อาเซียน สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มฮาคูโฮโด ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมแฟนด้อมในอาเซียนพบว่ามีการเพิ่มจำนวนมากขึ้น สาเหตุสำคัญมาจาก 2 ปัจจัย ได้แก่
1. โควิด-19 ทำให้ผู้คนมีเวลาว่างเยอะขึ้น เนื่องจากหลายบริษัทเลือกแก้ใช้มาตรการ WFH ให้พนักงานทำงานอยู่บ้านมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจึงทำให้มีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งที่ชอบมากขึ้นไปด้วย
2. ความแพร่หลายของสังคมออนไลน์ที่มีมากขึ้น ทำให้เกิดการแชร์ข้อมูลและเข้าถึงสิ่งที่ชื่นชอบได้มากขึ้น ชุมชนกลุ่มคนที่ชื่นชอบในเรื่องเดียวกันจึงขยายเติบโตเพิ่มขึ้น
โดยได้มีการทำการสำรวจวิจัยเชิงปริมาณและสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างแฟนด้อมจำนวน 5,000 คนใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และประเทศญี่ปุ่นเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างให้เห็น
โดยพบว่า Top 3 แฟนด้อมที่ผู้คนในอาเซียนให้ความนิยมสนใจมากที่สุด ก็คือ
- K-Pop
- Games
- Cooking
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า K-Pop จะได้รับความนิยมสูงสุดในทุกประเทศ โดยอินโดนีเซีย แฟนด้อมยอดนิยมอันดับ 1 คือ ทำอาหาร, ขณะที่เวียดนามและฟิลิปปินส์ คือ เกม, ไทย อันดับ 1 คือ K-Pop, สิงคโปร์ คือ มังงะ หรือแอนิเมชั่น และมาเลเซีย แฟนด้อมที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ วิดีโอสตรีมมิ่งต่างๆ
ทำไมผู้คนถึงหันมาใช้ชีวิตบนแฟนด้อมมากขึ้น
จาก 2 ปัจจัยที่กล่าวมานั้น แม้จะเอื้อให้เกิดจำนวนแฟนด้อมเพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่เหตุผลแท้จริงที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในอาเซียนหันมาใช้ชีวิตอยู่บนแฟนด้อมมากขึ้น ก็คือ
1. ได้พลังบวก – เติมเต็มคุณค่าจากสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง มีตัวตน มีความหวังที่ไม่อาจสมหวังหรือทำให้สำเร็จได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
2. ได้พัฒนาตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ – นอกจากความเพลิดเพลินได้อยู่กับสิ่งที่ชอบแล้ว ในแฟนด้อมยังทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเองเพิ่มมากขึ้น บางคนถึงขั้นนำไปต่อยอดสร้างอาชีพรายได้ให้ตัวเองได้
3. ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ รู้สึกอบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกัน - จากคนคอเดียวกันที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน เปิดกว้าง แสดงความคิดเห็น ทุกคนพูดคุยกันได้อย่างเท่าเทียม ช่วยเหลือกันโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
จากที่กล่าวมาจึงมีการเปรียบว่าแฟนด้อม คล้ายกับสังคมในอุดมคติ หรือยูโทเปีย ที่มีแต่สิ่งดีๆ ไม่มีการแบ่งชนชั้น มีแต่การแบ่งปัน ทุกคนเท่าเทียมกัน และจากพลังที่มีอยู่รวมกันนี้ จึงสามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ในสังคม โดย ฮิลล์ อาเซียน ได้เรียกแฟนด้อมของผู้บริโภคอาเซียนว่า “MATTER-VERSE” หรือ “จักรวาลแห่งคุณค่า” ชุมชนในอุดมคติที่ทุกคนจะได้รับการเติมเต็ม ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากแฟนด้อมในประเทศอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่นซึ่งเป็นแฟนด้อมที่เป็นไปเพื่อความเพลิดเพลินบันเทิงของตัวเองมากกว่าที่จะเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม หรือหาคุณค่าในตัวเอง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะส่วนใหญ่ของแฟนด้อมในอาเซียน
โดยสรุปจุดเด่นของชุมชนแฟนด้อมในอาเซียน ได้แก่ 1. ความเท่าเทียม (Equality) 2. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) 3. ความสัมพันธ์แบบครอบครัว” (Second Family) และ 4. พลังของแฟนคลับ (Strength in Numbers) ได้ร่วมมือกันทำสิ่งดีๆ ให้แก่สังคม
สำหรับลักษณะของแฟนด้อมไทยถือว่าเป็นสายเปย์เยอะที่สุดในอาเซียน โดย
- คนไทยจอยแฟนด้อมกับต่างชาติเยอะที่สุดในอาเซียน
- คนไทยใช้จ่ายกับแฟนด้อมเยอะที่สุดในอาเซียน
- โดยยอมใช้จ่ายรายได้อย่างน้อย 30 % ไปกับแฟนด้อม
- และกว่า 45 % ที่ยอมลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ลง อาทิ เสื้อผ้าแฟชั่น, รับประทานอาหารนอกบ้าน, ความบันเทิงนอกบ้าน เพื่อมาใช้จ่ายกับแฟนด้อมแทน
จะสร้างโอกาสธุรกิจจากแฟนด้อมได้ยังไงบ้าง
การที่ธุรกิจจะสร้างโอกาสจากแฟนด้อมได้มีอยู่ 2 ส่วน คือ
1.ร่วมมือกับแฟนด้อม สร้างการเติบโตไปด้วยกัน (Co-growth with a fandom)
51.6 % ของแฟนด้อมในอาเซียน คาดหวังให้แบรนด์มาร่วมมือกันกับแฟนด้อมของพวกเขา เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ร่วมกัน
88.2 % แฟนด้อมในอาเซียนกล่าวว่าหากแบรนด์มา Collaborate กับแฟนด้อม ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม พวกเขายินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสนับสนุนแบรนด์นั้นๆ
หัวใจสำคัญ
- อย่าเลือกเพียงเพราะกระแส แค่ความดัง หรือความใหญ่ของด้อม แต่ควรมองที่วิชั่น หรือจุดยืนว่าตรงกันกับแบรนด์หรือไม่
2. สร้างแฟนด้อมของตัวเอง (Build a Brand Fandom)
หัวใจสำคัญ
- ให้ความเท่าเทียมทุกคนเท่าๆ กัน อย่าใส่ใจเฉพาะ Top Spender ที่จ่ายหนัก แต่ควรให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมเท่าๆ กัน เพื่อให้ชุมชนที่มีความสุขและเป็นของทุกคนอย่างแท้จริง
- ไม่ควรนำความคิดเห็นจากแฟนด้อมมาเป็นทิศทางหลักในการปรับปรุงพัฒนาธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ควรวิเคราะห์รวบรวมความคิดจากลูกค้าอื่นๆ ด้วย เพื่อชั่งน้ำหนัก และหาความต้องการที่แท้จริง
แต่ไม่ว่าจะจับมือกับแฟนด้อม หรือสร้างแฟนด้อมของตัวเองขึ้นมาก็ตาม การจะทำให้ลูกค้ายอมรับและเป็นแฟนด้อมของแบรนด์ได้ในระยะยาว มีเหตุผลหลักอยู่ 3 ข้อ คือ
56.7 % สินค้าต้องมีคุณภาพ (Functional Quality)
41.3 % ให้คุณค่าด้านอารมณ์ความรู้สึก (Emotional Value)
39.1 % มีชุมชนแฟนด้อมที่น่าสนใจ (Fan Involvement)
และนี่คือ เรื่องราวของแฟนด้อม ลูกค้าคนสำคัญอีกกลุ่มหนึ่งของแบรนด์ที่กำลังมาแรงในอาเซียนขณะนี้ ซึ่งหากสามารถมัดใจพวกเขาได้รับรองความสำเร็จของแบรนด์ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน อย่าลืมหาแฟนด้อมของแบรนด์คุณให้เจอ!
TEXT : กองบรรณาธิการ
ที่มา : HILL ASEAN
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี