TEXT : กองบรรณาธิการ
เราเห็น QR Code อยู่รอบตัวมานานแต่กลับใช้มันเฉลี่ยปีละไม่กี่ครั้ง แต่นับตั้งแต่มีโควิด-19 QR Code ก็เริ่มมีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร เพราะคนส่วนใหญ่มีสมาร์ทโฟนสามารถเข้าถึงข้อมูล เช่น เมนู ราคา คำแนะนำ หรือแม้กระทั่งการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส
จริงๆ แล้ว QR Code ไม่ใช่แค่เป็นตัวช่วยด้านความปลอดภัย แต่ร้านอาหารหรือแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถใช้ QR Code เพื่อสื่อสารกับลูกค้า หรือสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าได้มากขึ้นด้วย แถมมันเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนมากซะด้วยสิ
ครั้งนี้ จึงมีวิธีที่ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตเครื่องดื่มและอาหารสามารถเอา QR Code ไปใช้ได้ง่ายๆ
ลูกค้าส่วนใหญ่เคยชินกับการสแกน QR Code เพื่ออ่านเมนู แต่เราสามารถใช้งานมันได้มากกว่านั้น คือ
- การสั่งซื้อ : หลังจากที่ลูกค้าสแกนเมนูแล้ว สามารถสั่งอาหารผ่านเว็บไซต์ได้โดยตรง โดยไม่ต้องพูดคุยกับพนักงานเลยสักคน
- การชำระเงิน : ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ทันทีที่สั่งอาหาร หรือหลังจากนั้นชำระเงินผ่านมือถือด้วยการสแกน QR Code ก็ได้
- สร้างการมีส่วนร่วม : ร้านอาหารสามารถเปลี่ยนลูกค้าที่มาเพียงครั้งเดียวให้เป็นลูกค้าประจำได้ โดยใช้ QR Code เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือเรียกดูหน้าโซเชียลมีเดีย
- ขอคำติชมจากลูกค้า : QR Code ช่วยให้ร้านอาหารสามารถขอความคิดเห็นเชิงรุกได้ด้วยการวาง QR Code เชิญชวนให้แสดงความคิดเห็น หรือให้ลูกค้าให้คะแนนเป็นดาวก็ได้
- เก็บข้อมูลลูกค้า : การเปิดให้จองโต๊ะโดยสแกนผ่าน QR Code ช่วยให้ร้านอาหารมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้าได้ เพราะหากเปิดร้านอาหารที่ไม่รับจองก่อน ร้านจะไม่รู้ว่าลูกค้าเป็นใครจนกว่าพวกเขาจะจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต
- จูงใจลูกค้าด้วยคูปอง : ให้ลูกค้าสแกน QR Code เพื่อรับคูปองเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ หรือใช้คูปองเพื่อตอบแทนลูกค้าประจำ มอบส่วนลดในครั้งต่อไปที่พวกเขามาใช้บริการ
Bitly ซึ่งเป็นบริการจัดการลิงก์ กล่าวว่า มีการดาวน์โหลด QR Code เพิ่มขึ้น 750% ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
- ติด QR Code บอกข้อมูลโภชนาการและสารก่อภูมิแพ้ ตามข้อมูลจาก Label Insight พบว่าผู้บริโภค 94 เปอร์เซ็นต์เลือกซื้อแบรนด์ที่มีความโปร่งใสเกี่ยวกับส่วนประกอบและวิธีการผลิต ถ้าพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ง่ายๆ ก็ย่อมดีต่อแบรนด์
- ติด QR Code เพื่อให้สามารถตรวจสอบการย้อนกลับ (Traceability) ของอาหารได้ เพื่อให้ผู้บริโภคติดตามการเดินทางของอาหารนับตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต แปรรูป การจ้างงาน ไปจนถึงการขนส่งได้ง่ายๆ ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำร้ายโลกใบนี้หรือเปล่า ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อมากทีเดียว
- ติด QR Code เพื่อให้สามารถติดต่อทีมบริการลูกค้าได้ตลอดเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาที่ลูกค้าเจอได้ง่ายๆ จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้บริโภค
- ติด QR Code เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียของแบรนด์
- ติด QR Code เพื่อแสดงแคตตาล็อกผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของแบรนด์ เพราะ QR Code ไม่มีการจำกัดจำนวนเนื้อหาที่จะแสดงต่อลูกค้า เพราะฉะนั้นให้ผู้บริโภคได้เห็นและรับรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มจำนวนการซื้อ
- ติด QR Codeเพื่อแบ่งปันสูตรอาหารและเคล็ดลับสนุกๆ
- เพิ่มกรอบล้อม QR Code พร้อมคำกระตุ้นให้สแกน จากการวิจัยของ HubSpot บอกว่าวิธีนี้กระตุ้นการตัดสินใจกว่ามี QR Code โดดๆ ได้ถึง 202%
- เลือกขนาดที่เหมาะสม ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งคือการพิมพ์ QR Code ฃมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้สมาร์ทโฟนไม่สามารถอ่านได้
ขนาดมาตรฐานของ QR Code ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนระยะทางต่อขนาด 10:1 ระหว่างสมาร์ทโฟนและ QR Code ตัวอย่างเช่น หาก QR Code มีขนาด 1 นิ้ว ควรสแกนจากระยะห่าง 10 นิ้วนั่นเอง แต่ปกติแล้วคนเรามักจ่อโทรศัพท์เข้าไปใกล้ QR Code อยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ ซึ่งขนาดที่เหมาะสมควรอย่างน้อย 0.4 นิ้ว x 0.4 นิ้ว (1 ซม. x 1 ซม.)
- ให้คำแนะนำในการสแกน QR Code ไม่ใช่ผู้บริโภคทุกคนที่คุ้นเคยกับการสแกน QR Code เพื่อให้ง่ายสำหรับพวกเขา
- เพิ่มโลโก้แบรนด์ไว้กลาง QR Code เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ จากข้อมูลของ Lucidpress ระบุว่าการแสดงแบรนด์ที่สม่ำเสมอช่วยเพิ่มรายได้ถึง 33%
ที่มา : https://blog.beaconstac.com/2020/12/qr-codes-food-packaging/
www.qr-code-generator.com/qr-codes-for/restaurants
https://www.cnbc.com/2021/08/21/qr-codes-have-replaced-restaurant-menus-industry-experts-say-it-isnt-a-fad.html
https://totalfood.com/whats-next-for-qr-code-technology-in-restaurants/
www.smethailanclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
