TEXT : Surangrak Su.
“Tamagotchi” (ทามาก็อตจิ) ของเล่นสัตว์เลี้ยงเสมือนจริงไอเทมสุดฮอตของผู้บริโภคยุค 90s ที่ไม่ว่าใครในยุคนั้นก็มักพกติดตัวไว้เล่นด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งมีลักษณะการเล่นที่โดดเด่น คือ มีการจำลองคล้ายกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจริงๆ ขึ้นมาตั้งแต่การกดให้อาหาร อาบน้ำ หรือเล่นด้วย ทามาก็อตจิจึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงจากไข่กลายเป็นโตเต็มวัยขึ้นมาได้
แล้วทำไมจู่ๆ วันนี้กระแสทามาก็อตจิจึงกลับมาอีกครั้ง แถมมาในรูปแบบที่แปลกตาออกไปด้วย ไปหาคำตอบพร้อมกัน
ทามาก็อตจิ ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกบนโลกเมื่อ 25 ปีก่อน ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2539 ณ ประเทศญี่ปุ่น ผู้ให้กำเนิดขึ้นมาคือ “Akihiro Yokoi” จากบริษัท WiZ ร่วมกับ “Aki Maita” จากบริษัท Bandai หลังจากนั้นในปีถัดมาจึงได้ขยายออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยเคยขายได้สูงสุดมากกว่า 82 ล้านตัวต่อปี
สำหรับในไทยนั้นก็ไม่พลาดที่จะหามาครอบครอง และกลายเป็นไอเทมสุดฮอตของผู้บริโภคชาวไทย โดยเฉพาะเด็กๆ เช่นกัน จนเมื่อผ่านไป 15 ปี หรือราวปี 2554 ก็มีกระแสข่าวออกมาว่าทามาก็อตจิได้เลือนหายออกไปจากความนิยมในตลาดของไทยแล้ว
จนมาในปีนี้ครบรอบ 25 ปี จู่ๆ กระแสของทามาก็อตจิก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลายประเทศทั่วโลกมีการเผยแพร่ข่าวผลิตภัณฑ์ใหม่ของทามาก็อตจิออกมาในรูปแบบเวอร์ชั่นใหม่ที่นอกจากจะเป็นของเล่นสัตว์เลี้ยงดิจิทัลแล้ว ยังเป็น Smart Watch ในรูปแบบนาฬิกาสีสันสดใสน่ารักน่าเก็บสะสม ซึ่งจะผลิตออกมาในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ในประเทศญี่ปุ่น แถมยังไปแฝงตัวปรากฏกายอยู่ในการ์ตูนสุดฮอตชื่อดังของเด็กๆ ยุคนี้อย่างเรื่อง “Demon Slayer” หรือ “ดาบพิฆาตอสูร” อีกด้วย จึงทำให้กระแสของทามาก็อตจิกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และได้เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากเด็กยุคนี้เพิ่มขึ้นมา
ซึ่งหากจะว่าไปถึงการทำธุรกิจของแบรนด์ทามาก็อตจิที่สามารถกลับมาได้อีกครั้งหนึ่งอาจมาจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1. การเล่นกับกระแสฮิตในอดีตให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง 2. การจับกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีความทรงจำที่ดีกับแบรนด์หรือของเล่นชิ้นนี้ โดยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ได้พยายามใช้วาระโอกาสพิเศษต่างๆ เช่นการครบรอบเพื่อออกเวอร์ชั่นพิเศษต่างๆ ออกมาดึงดูดใจลูกค้าสาวกให้หวนกลับมาอีกครั้ง
ทำให้ในปีที่ผ่านมานี้ สำหรับกลุ่มสินค้าของเล่นและงานอดิเรกของทามาก็อตจีมียอดสูงถึง 2.96 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้น 42,300 ล้านเยนจากปี 2563 โดยมาจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน ส่วนภาพรวมยอดขายของธุรกิจปีนี้อยู่ที่ 7.40 แสนล้านเยน
นอกจากกลยุทธ์ที่กล่าวมาแล้วนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เรามองเห็นได้จากทามาก็อตจิ ก็คือ การปรับตัวที่สมดุลอย่างพอดี โดยมีการพัฒนานำความทันสมัยใหม่เข้ามาในผลิตภัณฑ์ ขณะเดียวกันก็ยังคงเก็บรักษาเอกลักษณ์ความคลาสสิกของแบรนด์เอาไว้ได้ อย่างเช่นกรณีล่าสุดที่แบรนด์ได้หันมาออกผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ในรูปของ Smart Watch ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีกระแสข่าวอาจมีการดัดแปลงเป็นแค่เพียงแอปพลิเคชันอยู่ในสมาร์ทโฟนเท่านั้น
แต่เพราะเสน่ห์ของทามาก็อตจิ ก็คือ การได้จับต้องตัวเครื่องเล่นแบบเป็นๆ ในรูปทรงรูปไข่ที่เปรียบเสมือนเป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆ ที่ผู้เล่นต้องใส่ใจดูแล ผู้ผลิตจึงตัดสินใจผลิตออกมาในเวอร์ชั่นนี้ที่มีประโยชน์ตอบโจทย์ผู้คนยุคนี้ได้ด้วย ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นทามาก็อตจิรูปแบบเดิมเอาไว้
ซึ่งจริงๆ แล้วที่มาของชื่อ Tamagotchi นั้นก็มาจากคำว่า “Tamago” (ทามะโกะ) ในภาษาญี่ปุ่น (たまご) ที่แปลว่า ไข่ นำมารวมกับคำว่า “Uotchi” (โอ๊ตจิ) (ウオッチ) ที่แปลว่าดูหรือนาฬิกาข้อมือมารวมกันอยู่แล้ว โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ในญี่ปุ่น ราคาอยู่ที่ประมาณ 6,380 เยน (1,900 บาท)
นอกจากรูปทรงไข่ที่เป็นเอกลักษณ์ ทามาก็อตจิยังพยายามคงความเป็นอนาล็อกไว้อยู่มาก โดยแม้จะเปลี่ยนหน้าตาเป็นสมาร์ทวอช แต่ก็ยังคงปุ่ม 3 ปุ่มคลาสสิกเพื่อให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงในการกดให้อาหาร อาบน้ำ และเล่นด้วย ซึ่งแม้ไม่ต้องมีอินเตอร์เน็ตก็สามารถเล่นได้ นับว่าเป็นเสน่ห์คลาสสิกของทามาก็อตจิที่ยังคงไว้เช่นเดิมนั่นเอง
และทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดทามาก็อตจิของเล่นสัตว์เลี้ยงเสมือนจริงนี้ จึงสามารถอยู่รอดมาได้จน 25 ปีในวันนี้ ซึ่งแม้จะมีกระแสของสมาร์ทโฟนเข้ามาบดบังก็ไม่อาจทำลายเสน่ห์ความคลาสสิกนี้ลงได้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี