คงต้องยอมรับว่าหนึ่งในเคล็ดลับของการประกอบธุรกิจให้สำเร็จนั้นคือ “การสร้างความแตกต่าง” แต่หลายคนก็มีไอเดีย มีความคิดใหม่ๆให้กับธุรกิจตัวเอง แต่แล้วทำไมก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ธนาคารไทยพานิชย์จึงได้จัดสัมมนา เคล็ด(ไม่)ลับ....สู่ความสำเร็จ ในตอน “คิดต่าง สร้างเศรษฐี” คิดต่างอย่างไรถึงจะมีคนเดินตาม คิดต่างอย่างไรคนถึงจะเห็นด้วยกับความคิดของเรา คิดต่างอย่างไรถึงจะเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จ กับสามธุรกิจที่มีความคิดที่แตกต่าง
easy money
ถ้าจะพูดถึงโรงรับจำนำ หลายคนก็คงจะนึกถึงบรรยากาศทึบๆ มีม่านบัง เป็นสถานที่ที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเข้าไปใช้บริการ แต่ easy money คือโรงรับจำนำสมัยใหม่ที่นอกจากจะเปลี่ยนภาพลักษณ์เดิมๆของโรงรับจำนำแล้ว ยังเปลี่ยนมุมมองของผู้ใช้บริการอีกด้วย คุณสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ ผู้ก่อตั้งโรงรับจำนำ easy money กล่าวว่า
“ตอนที่สร้างอีซี่มันนี่ ไม่ได้จะสร้างแค่โรงรับจำนำ แต่ตั้งใจสร้างสถาบันการเงินชั้นนำที่เชียวชาญเรื่องการรับจำนำ”
ด้วยชื่อเรียกที่เปลี่ยนจากโรงรับจำนำเป็น easy money บรรยากาศภายในร้าน ไม่อึมครืมชวนหดหู่ สว่างไสไม่ต่างกับใช้บริการในธนาคาร ผนวกเข้ากับกระบวนการทำธุรกรรมที่รวดเร็วทันใจ ยุติธรรม การเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าให้คงอยู่ในสภาพเดิมเสมอ และบริการที่สุภาพอ่อนน้อมให้เกียรติลูกค้าทุกคน จึงทำให้ easy money ต่างจากโรงรับจำนำทั่วๆไป และด้วยความคิดที่แปลก ใหม่ ใหญ่ ดังของ easy money จึงทำให้กลายเป็นจุดเด่นช่วยกระจายชื่อเสียงของร้านไปในตัว ซึ่งมีส่วนช่วยให้ easy money เติบโตอย่างมั่นคง จนเวลานี้ขยายไปทั้งหมด 12 สาขา และจะเพิ่มสาขาอีก 9 แห่งภายในสิ้นปีนี้
DO HOME
ถือได้ว่าเป็นนครแห่งวัสดุก่อสร้างเลยที่เดียว สำหรับอุบลวัสดุและDO HOME ภายใต้การดูแลของ "นาตยา ตั้งมิตรประชา" หรือ "ซ้อเป็ด" ธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างที่เริ่มต้นจากห้องแถว 2 คูหา ขยายเป็น 10 คูหาใน 3 ปี และปัจจุบันขยายธุรกิจและเปลี่ยนรูปแบบเป็นโมเดิร์นเทรด คือทั้งค้าปลีกและค้าส่ง ที่มีทั้งหมด 3 สาขาใหญ่ๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ครบ ถูก ดี ที่ดูโฮม” เพราะมีถูกอย่างจริงๆด้วยสินค้ากว่า 200,000 รายการ และรับประกันว่าราคาถูกใจ สบายกระเป๋าลูกค้าอย่างแน่นอน
“การค้าธุรกิจทุกอย่างเราต้องเป็นคนดี และต้องมีทีมงานที่ดี ซ้อเลยปลูกฝั่งคนงานของซ้อว่า ถึงเราไม่มีการศึกษาก็ไม่เป็นไร เพราะการศึกษาไม่ใช่อุปสรรคที่ขวางทางไม่ให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จ การศึกษาเป็นส่วนประกอบแต่การกระทำต่างหากที่จะนำเราไปสู่เป้าหมาย”
แนวความคิดการบริหารของซ้อจึงเป็นแบบ Stakeholder คือดูแลผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียครบถ้วน ตั้งแต่ตัวบริษัทเองที่ขายแล้วก็ต้องได้กำไร ซ้อไปซื้อของกับใครซ้อจะไม่กดราคาSupplier Supplierจะต้องได้อะไรจากการทำธุรกิจกับซ้อด้วย ลูกค้าจะต้องพอใจกับสินค้าและบริการและมั่นใจว่าเราจะไม่เอารัดเอาเปรียบเขา ขณะเดียวกันกำไรที่ได้ซ้อจะแบ่งเอาไปดูแลลูกน้อง และซ้อยังคืนกำไรสู่สังคมอีกด้วย
จากการที่เป็นคน "เก่ง เฮง กล้า" เก่ง คือ คิดเก่ง เฮง คือ ได้โอกาสที่ดี และ ความกล้าที่มีเต็มร้อย กล้าคิดต่าง กล้าเดินต่อไปแม้จะเจอวิกฤต ทำให้ธุรกิจอุบลวัสดุมีพื้นที่และยอดขายต่อสาขามากที่สุดในประเทศไทย ด้วยยอดขายกว่า 8,500 ล้านบาทต่อปี
แก๊สติดรถยนต์ Versus
“ระหว่างความฝันกับความจริงมันต่างกันแค่การลงมือทำ ธุรกิจจะโตไม่โต อยู่ที่เราทำงานถูกที่ถูกทางหรือเปล่า เราต้องสร้างภาพลักษณ์ของร้านเราให้น่าเชื่อถือ เราต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด แล้วนั่นแหละจะเป็นแมสเสจหลักที่ใช้ส่งต่อไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนอื่นที่จะใช้สินค้าเรา”
นี่เป็นคำพูดของ "แม่สาย ประภาสะวัต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม เอส แฟคทอรี่ จำกัด ธุรกิจระบบแก๊สติดรถยนต์ยี่ห้อ Versus จากเด็กหนุ่มที่เรียนจบแล้วไม่อยากทำเป็นลูกน้องใคร อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เริ่มธุรกิจต้นด้วยเงิน 70,000 บาท มองเห็นช่องทางและกล้าที่จะทำ พอเปิดร้านติดแก๊สและมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น จึงผันตัวเองมาเป็นผู้ค้าอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดแก๊สให้กับอู่ต่างๆทั่วประเทศ ต่อยอดด้วยการเปิดสอนการติดตั้งแก๊สที่ได้มาตรฐาน
ด้วยแนวความคิดที่มองลูกค้าคือหุ้นส่วน ลูกค้าขายได้ยอดขายของเราก็เพิ่มขึ้น ถ้าอยากโตลูกค้าต้องขายได้ก่อน จึงได้สนับสนุนและดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี มีการจัดอบรมสัมมนาวิธีการติดตั้งแก๊ส ส่งคนไปประชาสัมพันธ์ร้านให้ลูกค้าฟรี เพราะถือว่านั่นคือหนึ่งสาขาของบริษัท ทำให้ทางบริษัทและลูกค้ากลายเป็นหุ้นส่วนกันไปโดยปริยาย
จากมุมมองที่แตกต่าง มองคู่แข่งเป็นลูกค้ามองลูกค้าเป็นหุ้นส่วนสามารถสร้างเฟรนไชส์ได้โดยที่ไม่ต้องลงทุน และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้ได้มาตรฐาน จึงทำให้ ธุรกิจแก๊สติดรถยนต์Versus เติบโตได้ภายใน 5 ปี