PHOTO : เดลิเวอรี่ปากช่อง-เขาใหญ่
ทุกวันนี้ถ้า SME อยากจะขายของผ่านช่องทางเดลิเวอรีออนไลน์ แบรนด์ที่ถูกนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ แพลตฟอร์มจากต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในบ้านเรากันคึกคัก แต่สุดท้ายหลายรายไม่สามารถไปรอดได้ ก็เพราะจนมุมกับค่าจีพีที่สูงเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ จะดีกว่าไหมหากมีแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อคนไทย ที่เข้มข้นไม่แพ้ต่างชาติออกมาให้เลือกใช้กันมากขึ้นด้วย
“เดลิเวอรี่ปากช่อง-เขาใหญ่” แบรนด์ Local Delivery ที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่อำเภอปากช่อง และเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา คือหนึ่งในตัวอย่างของแพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่พัฒนาขึ้นโดยคนไทย เพื่อแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติ แถมยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการคนไทยได้อย่างเข้าถึงมากขึ้น ด้วยการนำช่องว่างจากการให้บริการของแพลตฟอร์มเดลิเวอรีต่างๆ มาสร้างจุดแข็งให้กับตัวเอง ตัวอย่างเช่น การให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง หรือแม้แต่การให้บริการรับ-ส่งทุกอย่างได้หลากหลาย ไม่เฉพาะแค่อาหารเท่านั้น
ฉีกทุกรูปแบบเดลิเวอรีที่เคยมี
“เราไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มเดลิเวอรีส่งอาหาร แต่สามารถรับ-ส่งได้ทุกอย่าง ยกเว้นของผิดกฎหมาย” ทศพร จุลโพธิ์ ผู้ก่อตั้งเกริ่นถึงจุดเด่นของบริการให้เราฟัง
โดยในช่วงแรกนั้นเขาเริ่มต้นจากการให้บริการเดลิเวอรีรับส่งอาหารทั่วไป จนวันหนึ่งคิดว่าหากอยากสร้างจุดเด่นให้กับธุรกิจของตัวเองและสามารถอยู่รอดแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ได้ เขาต้องเพิ่มรูปแบบการให้บริการที่หลากหลายมากขึ้นแบบไร้ขีดจำกัด
“ตอนแรกเราก็เริ่มจากทำเล็กๆ ก่อน ทำเพจขึ้นมาและให้คนเข้ามาใช้บริการ แต่พอทำไปได้สักพักก็เริ่มเห็นว่าความต้องการที่เยอะขึ้น คนชอบความสะดวกสบายมากขึ้น เลยเริ่มคิดว่าถ้าเราไม่ทำแค่ส่งอาหารอย่างเดียวล่ะ แต่เราสามารถซื้อและไปส่งให้ได้ทุกอย่างเลย ยกเว้นสิ่งผิดกฎหมาย กลายเป็นว่าพอเราปรับรูปแบบบริการใหม่ สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้นบวกกับที่เราส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีข้อจำกัด ก็ยิ่งทำให้คนสนใจเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
“เพราะในพื้นที่ปากช่อง-เขาใหญ่นอกจากคนในพื้นที่แล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวตลอดทั้งปีด้วย รูปแบบบริการของเราจึงสามารถช่วยตอบโจทย์เขาได้มาก เพราะไม่มีข้อจำกัดทั้งเรื่องเวลา ระยะทาง และโจทย์ความต้องการที่เขาอยากได้ เราสามารถทำให้ได้หมด บางคนหิวๆ ดึกๆ อยากกินข้าว เราก็ไปซื้อมาให้ได้ บางคนลืมเอาอุปกรณ์มา เช่น ปลั๊กไฟ ที่เปิดขวดไวน์ เราก็ไปหาซื้อมาให้ได้ หรืออยากให้ไปรับ-ส่งที่ไหนเราก็มีบริการเหมือนวินมอเตอร์ไซต์ไปให้ได้ ในส่วนของคนในพื้นที่เองบางครั้งเขาไม่สะดวกที่จะทำเอง เช่น ต้องมารับยาประจำที่คลินิก แต่ฝนตกไม่อยากออกมา เราก็สามารถไปรับแทนและเอาไปส่งให้ได้ บางคนตัวอยู่ไกลถึงต่างประเทศแต่อยากสั่งอาหารไปให้พ่อเขารับประทานที่บ้าน เขาก็มาสั่งผ่านเรา เราก็ไปส่งให้ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างเราสามารถทำได้ และเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า”
นอกจากรูปแบบการให้บริการที่สามารถใช้ช่องว่างตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้แล้ว อัตราค่าบริการของเดลิเวอรี่ปากช่อง-เขาใหญ่ ยังเป็นราคามิตรภาพอีกด้วย โดยสำหรับร้านอาหารที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกจะคิดค่าบริการอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์จากยอดการสั่ง แต่หากเป็นบริการที่นอกเหนือจากนี้จะคิดตามเรตราคามาตรฐาน โดยคิดจากค่าบริการ ค่าระยะทางในการจัดส่ง นอกจากจะให้บริการจัดส่งเอง ยังมีการจับมือร่วมกับพาร์ตเนอร์รวบรวมรูปแบบบริการอื่นๆ อาทิ ช่างซ่อมบำรุงต่างๆ ให้ลูกค้าสามารถเรียกใช้บริการได้ด้วย
ต่อยอดสู่แพลตฟอร์มใหม่ ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
จากการตอบโจทย์ลูกค้าในพื้นที่ได้อย่างดี เข้าใจพฤติกรรมความต้องการ ฉีกทุกข้อจำกัด ไม่ว่าเวลาการจัดส่งที่ไม่มีกำหนดสามารถสั่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง คำสั่งในการสั่งซื้อที่ลูกค้าสามารถเลือกร้านค้าและบริการได้เอง ไม่ใช่เฉพาะร้านค้าสมาชิก รวมถึงรูปแบบการบริการที่หลากหลายแล้วแต่ความต้องการของลูกค้า อาจเป็นเหตุผลนี้ก็ได้ที่ทำให้แพลตฟอร์มเดลิเวอรีท้องถิ่นอย่างเดลิเวอรี่ปากช่อง-เขาใหญ่ สามารถทำการแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ที่เข้ามาและเอาชนะใจลูกค้าในพื้นที่ปากช่องและเขาใหญ่ได้ ซึ่งจากการไม่จำกัดรูปแบบการให้บริการนี้ จึงเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้กับร้านค้าต่างๆ ในชุมชนให้สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกช่องทางด้วย
โดยจากการเห็นผลตอบรับที่ดี จึงทำให้ทศพรได้เกิดความคิดต่อยอดสร้างแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ขึ้นมาภายใต้แอปพลิเคชันชื่อ “ToKo” ซึ่งทำหน้าที่เป็นเสมือนแผนที่ให้สามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่างในรัศมีใกล้คุณได้ ไม่ว่าที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของชำเล็กๆ โดยจะใช้สีแทนสัญลักษณ์ประเภทการให้บริการต่างๆ เช่น สีเขียว - ร้านอาหาร, สีชมพู - ที่พัก, สีแดง – ร้านขายวัสดุหรือตลาด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถทำรายการได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่การสั่งเดลิเวอรี, จองโต๊ะ, สั่งอาหารไว้ แต่ไปรับเอง หรือแม้แต่ใช้แทนเมนูเพื่อสั่งอาหารรับประทานในร้านก็ได้ จนถึงการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน เรียกว่าครบจบในที่เดียว ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ โดยจะไม่ใช่แค่การให้บริการเฉพาะในพื้นที่อำเภอปากช่องและเขาใหญ่เท่านั้น แต่ยังสามารถครอบคลุมและใช้งานได้ทั่วประเทศอีกด้วย
“จริงๆ เป็นการคิดต่อยอดมาจากที่ทำเดลิเวอรี่ปากช่อง-เขาใหญ่ เราคิดว่าอนาคตถ้าทำแค่เดลิเวอรีอย่างเดียวเราสู้แบรนด์ใหญ่ไม่ได้แน่ เพราะการทำธุรกิจนี้สายป่านต้องยาว บางช่วงงานก็เข้ามาเยอะ บางช่วงก็ไม่มีเลย ซึ่งปัญหาที่จะตามมา ก็คือ เรื่องคนทำงาน ดังนั้นเราจึงพยายามคิดว่าจะปรับรูปแบบยังไงเพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง เราจึงนึกไปถึง Google Map ซึ่งทำหน้าที่บอกที่ตั้งสถานที่และนำทางไปอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มีอยู่ทุกวันนี้ คือ มันกระจัดกระจายไปหมด ไม่เป็นหมวดหมู่ ดังนั้นถ้าเราลองสร้างระบบเข้ามาครอบอีกที โดยการนำร้านค้าต่างๆ มาจัดเป็นหมวดหมู่และแทนค่าด้วยสัญลักษณ์ เช่น สีชมพู คือ ที่พัก, สีเขียว คือ ร้านอาหาร แค่กดเข้ามาในแอปพลิเคชันของเรา ลูกค้าก็จะรู้ได้ทันทีว่าบริการอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งเท่านั้นไม่พอเขายังสามารถทำรายการต่างๆ ได้ทันทีด้วย ไม่ว่าจองที่พัก สั่งจองโต๊ะ สั่งอาหาร หรือสั่งเดลิเวอรี ไม่ใช่เฉพาะแค่ในพื้นที่ปากช่องเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ได้ทั่วประเทศอีกด้วย
“โดยจากการวางระบบไว้แบบนี้ทำให้เราไม่ต้องลงมือทำเองทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าสนใจอยากสั่งสินค้าจากร้านนี้ ทั้งลูกค้าและร้านค้าต่างก็รู้ตำแหน่งด้วยกันดีอยู่แล้ว โดยร้านค้าสามารถดำเนินการไปส่งด้วยตัวเองเลยก็ได้ โดยไม่ต้องผ่านเรา หรือลูกค้าจะเลือกสั่งไว้และมารับด้วยตัวเองก็ได้ โดยผลตอบแทนที่เราจะได้รับ คือ มาจากการทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแอปพลิเคชันนี้ เช่น ถ้าเป็นสั่งเดลิเวอรีอาจคิดที่ 10 เปอร์เซ็นต์ (แบ่งให้ร้านค้าและระบบด้วย) ถ้ามารับเองอาจคิดแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ หรือถ้ามารับประทานอยู่ที่ร้านเราอาจคิดแค่ค่าทำธุรกรรมในการจ่ายเงินแค่ 1 เปอร์เซ็นต์หรือค่าบริการครั้งละ 1 บาทเท่านั้นก็ได้ โดยการทำรูปแบบนี้จะไม่เป็นการผูกมัด ร้านเล็กๆ ก็สามารถสมัครเข้ามาใช้บริการและบริหารจัดการด้วยตัวเองได้ ซึ่งผมมองว่าวิธีนี้จะทำให้เกิดความยั่งยืนขึ้นได้ และต่อให้มีวิกฤตเข้ามากี่ครั้ง ร้านต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่ต้องเสียเปอร์เซ็นต์ส่วนต่างที่เยอะมากจนเกินไป ช่วยทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าของบ้านเราดีขึ้นได้”
โควิด ปลุกพฤติกรรมคนใช้เดลิเวอรีเพิ่มขึ้น
เมื่อให้มองถึงการระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น มีส่วนทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง และระหว่างการระบาดรอบแรกและรอบสอง ณ ปัจจุบันนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ทศพรให้ข้อสังเกตว่า
“ตั้งแต่ที่โควิด-19 ระบาดรอบแรกได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคไปมาก คนไม่ค่อยอยากออกจากบ้านเยอะขึ้น หันมาซื้อของออนไลน์และสั่งเดลิเวอรีกันมากขึ้น ไม่ว่าอาหาร หรือสั่งซื้อสิ่งของต่างๆ ซึ่งรูปแบบไม่ใช่เฉพาะแค่การสั่งอาหารเท่านั้น แต่มันมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น เพราะคนไม่อยากออกนอกบ้าน ทำให้แม้โควิดจะซาลงในรอบแรก พฤติกรรมเหล่านั้นก็ยังคงอยู่ อาจลดลงบ้างนิดหน่อย เหมือนเขาได้ลองเรียนรู้และใช้ชีวิตรูปแบบนั้นจนเป็นปกติไปแล้ว จนมาถึงการระบาดรอบสองที่ผ่านมา จึงไม่ได้แตกต่างกันมาก อาจมียอดการใช้บริการเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากจนผิดสังเกต และครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ตกใจมากเท่ากับครั้งแรก เพราะยังไงก็เคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง แค่ลองกลับไปปรับตัวเหมือนเดิมเท่านั้น” ทศพรกล่าวทิ้งท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี