แม้ว่าเรื่องความสวยความงามเป็นเรื่องที่จับต้องได้ง่าย เพราะใช้แค่สายตากับความรู้สึก แต่หากจะมองให้ลึกไปกว่านั้นผลิตภัณฑ์เครื่องประดับแต่ละชิ้นมีที่มาที่ไป ตั้งแต่แรงบันดาลใจของนักออกแบบ วัสดุที่นำมาผลิต กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะสื่อสารด้วย
และแน่นอนเทรนด์ที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้คน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักพัฒนาการค้าและธุรกิจไลฟ์สไตล์ จึงกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะช่วยผู้ประกอบการไทย มีโอกาสพัฒนาฝีมือและศักยภาพ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยโครงการโปรดักท์ แชมเปี้ยน ซึ่งเดินหน้าอย่างต่อเรื่องในระยะ 2 หลังประสบความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา พร้อมได้ผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสแนะเทรนด์เครื่องประดับปีหน้า ธรรมชาติและความเรียบง่ายมาแรง
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยเรามีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับถึง 15,000 ราย โดยเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม (SMEs) อยู่ร้อยละ 90 ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่เราต้องให้การช่วยเหลือทางด้านการส่งออกและส่งเสริมให้กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้อยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีการแข่งขันรุนแรงและผันผวนตลอดเวลา
ในปีที่ผ่านมากรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินโครงการโปรดักท์ แชมเปี้ยน พัฒนาศักยภาพสินค้าและตลาดเครื่องประดับเงิน ระยะที่ 1 และในปีนี้ยังคง เดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่องในระยะที่ 2 โดยนอกจากการให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าเครื่องประดับให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศยุโรปแล้ว ในปีนี้ยังเน้นด้านการตลาดมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างคู่ค้ากับต่างประเทศ ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและพัฒนาสินค้าจาก Carlin International ประเทศฝรั่งเศส มาให้คำปรึกษาแนะนำ พร้อมด้วยการให้ความรู้เพิ่มเติมด้านอื่นๆ อาทิ เทรนด์สี การสร้างแบรนด์ การสร้าง Storytelling ให้กับสินค้า เป็นต้น
มร.เดวิด แลนดาร์ท ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและพัฒนาสินค้า จาก Carlin International ประเทศฝรั่งเศส ได้แนะแนวเทรนด์ล่ามาแรงสำหรับเครื่องประดับเงินในตลาดยุโรป ว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาสนใจเครื่องประดับชิ้นเล็กเรียบง่ายแฝงแต่ด้วยความสง่างามมากขึ้น นอกจากนี้ยังชื่นชอบการผสมผสานการออกแบบจากธรรมชาติที่มาผสานกับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
ดีไซน์เนอร์เองควรนำเทรนด์ความต้องการเหล่านี้ไปใช้เป็นคีย์หลักในการออกแบบ เพราะจริงๆ แล้วผู้ประกอบ การไทยมีฝีมือและความสามารถสูง หากสามารถเชื่อมโยงความต้องการของตลาดและความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน จะช่วยให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น
สำหรับเทรนด์เครื่องประดับ ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน 2016 มี 4 ธีม ได้แก่ Legendary Enigma สไตล์โมรอคโคผสานเข้ากับความลึกลับ, Deserts Precious Resources พลังแห่งทะเลทรายซึ่งผสานรวมกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต, Takes New Realism ความอ่อนโยน นุ่มนวล ชวนฝัน และ Teams Popular Dynamics ความสนุกสนาน สดใสในแนวสปอร์ต”
นายดนัย เลียวสวัสดิพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามรอยัลออคิด จำกัด จ.เชียงใหม่ ผู้กระโดดเข้ามาร่วมวงในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเป็นครั้งแรก และเข้าร่วมโครงการโปรดักท์ แชมเปี้ยน เป็นครั้งแรกเช่นกันกล่าวว่า จากประสบการณ์ที่อยู่กับธรรมชาติมาโดยตลอดเพราะทำธุรกิจของที่ระลึกจากกล้วยไม้ ทำให้ลองพลิกแพลงนำเอาธรรมชาติเหล่านี้มาทำเป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง โดยได้นำวัสดุธรรมชาติ อาทิ รากต้นไทร หรือกลีบดอกชบา มาเคลือบด้วยเงิน แล้วดัดแปลงเป็นเข็มกลัด ต่างหู หรือแหวน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจจากตลาดยุโรป ทำให้เครื่องประดับทุกชิ้นไม่เหมือนใครในโลกเพราะรูปทรงของวัสดุธรรมชาติที่ได้มานั้นไม่เหมือนกัน และมีน้ำหนักเบาซึ่งผิดกับขนาดจากที่เห็นกันอยู่ ด้วยเรื่องราวของวัสดุและความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้ทำให้ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายในยุโรปได้ไม่ยากเลย
เครื่องประดับของเราจะมีเอกลักษณ์ของงานดีไซน์ที่หนัก เน้นสีสันจัดจ้าน ผนวกกับชาวต่างชาติเริ่มหันมาสนใจงานดีไซน์มากขึ้น ทำให้ปัจจุบันผลงานของเทวัญ ดารา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าต่างชาติทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนผลงานดีไซน์จากการร่วมโครงการในครั้งนี้ อยู่ในธีม “Oriental Tiling” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความชื่นชอบในงานโบราณสถาน จึงนำจุดเด่นของสิ่งก่อสร้างสำคัญของโลกอย่างโดมจากประเทศดูไบมาเป็นแนวความคิด และตัดด้วยสีสันของกระเบื้องโทนฟ้าขาว ทำให้ได้เครื่องประดับที่ไม่เหมือนใคร ขณะเดียวกันยังเป็นเครื่องประดับที่ใช้ช่างทองเป็นคนทำ จึงมีความละเมียดและละเอียดอ่อน ทำให้เครื่องประดับเรามีมูลค่าในตัวเอง”
ด้าน นายเธียรพันธุ์ บุญทรงษีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพทโฮลดิ้ง จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งท่านที่ได้เข้าร่วมโครงการโปรดักท์ แชมเปี้ยน อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดส่งออกหลักของบริษัทฯ มี 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ สวีเดน และมาเลเซีย
โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับมากคือสร้อยข้อมือและกระดุมแขนเสื้อชาย ซึ่งมั่นใจว่าอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนของเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงได้มากขึ้น โดยได้นำความรู้ทางด้านเทรนด์ที่ได้จากโครงการมาปรับและพัฒนาสินค้า สะท้อนได้จากผลงานออกแบบในชุด “Zellij Mist” ซึ่งในครั้งนี้จะเน้นจุดเด่นที่เป็นความเรียบง่ายแต่หรูหรา ใช้เครื่องประดับเงินล้วนออกแบบเป็นตัวแหวนสีทองเรียบๆ และใช้กระเบื้องโมเสกโมรอคโคสร้างลวดลายที่สวยสง่า เมื่อแสงของดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านตัวแหวนจะให้ความรู้สึกโปร่งแสง เบา สดชื่น
สิ่งเหล่านี้ดีไซน์เนอร์ได้ตกผลึกไอเดียและกลั่นกรองผลงานออกมาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า แม้ว่า ตลาดเครื่องประดับในปีนี้จะมีการขยายตัวโดยเฉพาะตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ผู้ประกอบการไม่ควรประมาท ควรจะเน้นเจาะตลาดระดับไฮเอนด์มากขึ้น เนื่องจากยังมีช่องว่างตลาดกลุ่มนี้ และแสดงถึงเอกลักษณ์ของตนเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งขันได้”