วาเลนไทน์ เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่สร้างความคึกคักให้ภาคธุรกิจอยู่ไม่น้อย ซึ่งในปีนี้น่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายมากพอสมควร ด้วยแรงหนุนจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายแตกต่างจากปีก่อน จึงส่งผลให้ผู้บริโภคมีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยและมีแนวโน้มทำกิจกรรมพิเศษต่างๆ ร่วมกับคู่รัก เพื่อนฝูงและครอบครัว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การจับจ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ของคนกรุงเทพฯ ปี 2558 จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวาเลนไทน์ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท/คน สำหรับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี ในขณะที่วัยทำงาน (อายุ 25-39 ปี) จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยขยับขึ้นมาที่ 2,300 บาท/คน เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ สาเหตุที่ค่าใช้จ่ายในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นผลมาจากวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ซึ่งถือเป็นวันหยุดของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและกลุ่มคนทำงานบางกลุ่ม จึงทำให้จำนวนคนที่สนใจทำกิจกรรมวาเลนไทน์ในปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประกอบกับบรรยากาศวาเลนไทน์ในปีนี้ คาดว่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้นกว่าปีที่แล้วที่มีปัญหาทางการเมือง ดังนั้น คาดว่าวาเลนไทน์ในปีนี้คนกรุงเทพฯ ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายก็น่าจะออกมาร่วมทำกิจกรรมและมีการใช้จ่ายมากขึ้น
ฉะนั้นบรรดาธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายดอกไม้ หรือแม้แต่เกษตรกรผู้ปลูกดอกกุหลาบ จึงต่างคาดหวังว่าเทศกาลวาเลนไทน์จะกระตุ้นให้ยอดจำหน่ายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นมากกว่าในภาวะปกติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่าง กลุ่มวัยรุ่น/วัยเรียน ไปจนถึงวัยทำงาน ซึ่งนิยมมอบของขวัญให้แก่กันเพื่อเป็นการแสดงถึงความรักในแบบฉบับของคู่รักหนุ่มสาว หรือมิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อน ดังนั้น การเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวางกลยุทธ์การตลาดที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด น่าจะเป็นโอกาสทางการตลาดของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาช่วงชิงกำลังซื้อในช่วงเทศกาลแห่งความรักนี้ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามรูปแบบการบอกรักออนไลน์ ยังดึงดูดความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่น/วัยทำงานได้เป็นอย่างดี โดยจากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ได้ทำการสำรวจ “พฤติกรรมของผู้บริโภคในกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2558” พบว่า คนกรุงเทพฯ สนใจที่จะแสดงความรักผ่านสื่อออนไลน์อย่าง Social Media คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 94 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ Social Media ได้รับความนิยมสูงเพิ่มขึ้นทุกปี มาจากการเข้าสู่สังคมดิจิตอล รวมถึงการเติบโตของสมาร์ทโฟนและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของกลุ่มเป้าหมาย ที่ส่งผลให้Social Media ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ซึ่งจากการสำรวจ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการใช้หรือเล่น Social Media เป็นประจำอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือมีค่าใช้จ่ายที่ถูกมากเมื่อเทียบกับการซื้อของขวัญหรือทำกิจกรรมอื่นๆ รวมไปถึงสามารถรับส่งข้อความได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงจากกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ App. Chat ต่างๆ อาทิ Line, whatsApp คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 84 ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการส่งข้อความ หรือสติ๊กเกอร์ที่สื่อถึงความรักได้ค่อนข้างตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
ดังนั้นหากผู้ประกอบการจะเกาะกระแสความนิยม อาจจะปรับกลยุทธ์ทางการตลาดผ่านช่องทางนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ของสินค้าและแบรนด์ไปสู่ผู้บริโภค อาทิ การทำการตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวาเลนไทน์ ผ่านแอพพลิเคชั่น หรือสติ๊กเกอร์แบรนด์สินค้าต่างๆ ใน App. Chat ต่างๆ ก็น่าจะทำให้สินค้าดูน่าสนใจและเป็นที่รู้จักมากขึ้น