เคยรู้สึกอึดอัดบ้างไหมที่ข้อความโฆษณาของสินค้าส่วนใหญ่มักจะเหมือนๆ กันไปหมด รวมทั้งของตัวคุณเองด้วย หากดึงโลโก้ หรือชื่อสินค้าออกไป ก็ยากที่จะบอกได้ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณกับคู่แข่งนั้นแตกต่างกันอย่างไร หากคุณกำลังเผชิญสิ่งเหล่านี้ โปรดอย่านิ่งนอนใจไป เพราะนั่นอาจทำให้คุณเสี่ยงจะถูกผลักลงหน้าผาไปสู่ความหายนะได้
หากเปรียบเทียบสินค้า และบริการแบบธรรมดา ลูกค้าที่มีศักยภาพมักมองหาบริษัทที่มีจุดต่าง พวกเขามักอยากรู้ว่าทำไมสิ่งที่บริษัทคุณเสนอถึงเหมาะกับความต้องการของพวกเขา และคุณเองก็สามารถสร้างจุดต่างแบบไม่ซ้ำใครได้โดยยึดคู่แข่งเป็นหลัก ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณออกมายืนเด่นเหนือกว่าใครๆ ได้อย่างแตกต่าง
ประเมินสมรภูมิ
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจสารที่คู่แข่งของคุณส่งออกไปดีพอๆกับที่คุณเข้าใจสารที่คุณสื่อให้ลูกค้าฟัง จากนั้นก็เริ่มการวิเคราะห์อย่างง่ายๆ โดยรวบรวมเอกสารทางการตลาดจากคู่แข่งของคุณมาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นจากแผ่นพับโฆษณา สำเนาจากหน้าหลักของเว็บไซต์ หรือ Ad ตามหน้าหนังสือต่างๆ จับข้อความทางการตลาดที่สำคัญ และข้อเสนอพิเศษต่างๆ ออกมา
เมื่อรู้แล้วว่าคู่แข่งพยายามที่จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น คุณก็สามารถประเมินความเหมือน และความต่างระหว่างกันและกันได้แล้ว แต่หากพบว่ามีสิ่งที่คุณและคู่แข่งต่างก็อยากนำเสนอให้ลูกค้าเหมือนๆ กัน อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อื่นๆ มากกว่าการตลาด บางครั้งการยกเครื่องตัวสินค้า หรือเพิ่มบริการใหม่ๆ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คุณโดดเด่นขึ้นมาได้
เอาใจลูกค้ามาใส่ใจเรา
หลังจากรวบรวมสื่อการตลาดจากคู่แข่งแล้ว ลองมองดูสิว่าถ้าคุณเป็นลูกค้าคุณจะมีปฏิกิริยายังไง เมื่อต้องเลือกระหว่าง "สินค้า" กับ "บริการ" คุณจะเลือกอันไหน และเพราะอะไร โดยทั่วไปแล้วปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเบื้องต้นนั้นมีคุณค่าเกินกว่าที่คุณจะคาดเดาได้ อย่างเช่น การบริการที่เหนือชั้นกว่าสามารถทำให้ลูกค้าสบายใจได้ว่าปัญหาที่จะตามมาหลังจากการจ่ายเงินซื้อสินค้า หรือบริการจะได้รับการจัดการที่ดีกว่าหากซื้อจากเจ้าอื่นๆ
การหาจุดเหมาะสมของความต่างที่ดีที่สุด คือ การเรียนรู้ว่าสิ่งไหนที่คุณสามารถจัดหาให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแล้วจะเพิ่มค่าสูงสุด อย่างเช่น การเก็บข้อมูลทางโทรศัพท์ การหารือกันภายในองค์กร เป็นอีกแนวทางง่ายๆ ในการพัฒนาสารที่คุณจะส่งต่อไปยังลูกค้า
สื่อให้รู้ถึงสารใหม่
หากต้องการให้ข้อความโฆษณาชิ้นใหม่ของคุณมีประสิทธิภาพจะต้องสื่อสารผ่านแคมเปญทางการตลาด และกลยุทธ์สนับสนุนการขาย ซึ่งการทดสอบเบื้องต้นเพื่อป้องกันความผิดพลาดก็คือ ใช้สื่อในรูปแบบที่จำกัดอยู่ในวงแคบก่อน เช่น นิตยสาร หรือเว็บไซต์ เพื่อดูว่าคุณมาถูกทางหรือเปล่า
หลังจากที่มั่นใจแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายตอบสนองสารที่ส่งไปอย่างมีประสิทธิภาพ จงขยายช่องทางไปในสื่ออื่นๆ แต่หากการตอบสนองเป็นไปในทางตรงกันข้าม ส่งโฆษณาตัวใหม่ออกไป แล้วเพิ่มบทสัมภาษณ์เข้าไปด้วย โดยที่ต้องแน่ใจว่าได้สื่อถึงสารตัวใหม่ให้ลูกค้าในแบบที่เรียกความมั่นใจ และสร้างยอดขายให้กลับมาอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจได้
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และสื่อที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าของคุณด้วย ซึ่งเวลา 6 เดือน หรือมากกว่านั้นนิดหน่อยเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการเจาะกลุ่มเป้าหมายของคุณ
Crate by smethailandclub.com