Main Idea
- หนังสือ Concept is Everything หรือชื่อไทยว่า “1,000 ไอเดียหรือจะสู้ 1 คอนเซปต์” จะทำให้คุณรู้ว่าคอนเซปต์นั้นสำคัญไฉน เพราะ “ยะมะดะ โซ” ผู้เขียนเป็นถึง Creative Director ของเอเจนซี่โฆษณาเบอร์ใหญ่ของโลกที่ญี่ปุ่น อย่าง Dentsu Inc. ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อเลี้ยงชีพ เพื่อคิดหาคอนเซปต์และไอเดียเป็นล้านครั้ง
- หนังสือเล่มนี้มีแต่แก่นพร้อมตัวอย่างที่ตรงประเด็น ต่อให้ไม่ใช่คนที่ทำงานด้านครีเอทีฟหรือความคิดสร้างสรรค์มาก่อน ก็จะเข้าใจคำว่า คอนเซปต์ ได้ไม่ยากด้วยหนังสือเล่มนี้
ชื่อเรื่อง : Concept is Everything 1,000 ไอเดียหรือจะสู้ 1 คอนเซปต์
ผู้เขียน : ยะมะดะ โซ
สำนักพิมพ์ : WeLearn
สรุปหนังสือ Concept is Everything ฉบับภาษาไทยของสำนักพิมพ์ Welearn นี้มีชื่อไทยว่า “1,000 ไอเดียหรือจะสู้ 1 คอนเซปต์” บางคนอาจสงสัยว่าแล้วไอเดียกับคอนเซปต์มันต่างกันอย่างไร
ผมขออธิบายแบบนี้ครับ ในฐานะคนที่เคยเป็นครีเอทีฟและทำโฆษณามาก่อน ไอเดียคือ วิธีการ หรือจะเรียกให้ง่ายขึ้นคือ Execution ก็ว่าได้ แต่คอนเซปต์นั้นคือแนวทางหรือเป้าหมายของเรา เช่น เราต้องไปทะเล นั่นคือคอนเซปต์ ส่วนจะไปทะเลด้วยวิธีการไหนนั่นคือไอเดียครับ
กลับมาที่หนังสือเล่มนี้ต่อ หนังสือที่จะทำให้คุณรู้ว่าคอนเซปต์นั้นสำคัญไฉน เพราะ “ยะมะดะ โซ” ผู้เขียนเป็นถึง Creative Director ของเอเจนซี่โฆษณาเบอร์ใหญ่ของโลกที่ประเทศญี่ปุ่น อย่าง Dentsu Inc. ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อเลี้ยงชีพ ใช้เพื่อคิดหาคอนเซปต์และไอเดียเป็นล้านครั้งแล้วมั้งครับในชีวิตนี้
Creative Director ผู้นี้บอกว่า คอนเซปต์เปรียบได้กับนวัตกรรมทางความคิดที่ก่อให้เกิดการต่อยอดถึงสิ่งใหม่ได้มากมาย ถ้าถามว่า “แล้วนวัตกรรมสำคัญอย่างไร?” ผู้เขียนก็อธิบายไว้ได้อย่างเรียบง่ายแต่เคลียร์คัดชัดเจนว่า
นวัตกรรม คือ สิ่งที่ทำให้พฤติกรรม ขนบธรรมเนียม ตลอดจนทัศนคติของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก เช่น เมื่อร้อยปีก่อนเรายังใช้รถม้ากันทั่วไป แต่พอรถยนต์เข้ามาจนถึงจุดที่ฟอร์ดสร้าง Model T ขึ้นมาก็ทำให้รถม้าไม่เคยกลับมาอยู่บนท้องถนนอีกต่อไป หรือจากเทปกลายเป็น CD จาก CD กลายเป็น MP3 แล้วก็เข้าสู่การฟังเพลงแบบ Streaming ผ่านอินเทอร์เน็ต จนหาได้น้อยคนนักที่จะดาวน์โหลดเพลงไว้ในเครื่อง หรือซื้อ CD มาฟังในวันนี้ ยกเว้นว่าเพื่อเอาบัตรจับมือหรือของที่ระลึกนะครับ
อย่าง Starbucks ก็เป็นนวัตกรรมของร้านกาแฟ ที่เปลี่ยนจากร้านกาแฟที่เคยมีไว้เพื่อขายกาแฟไม่ได้ให้นั่งแช่ กลายเป็นร้านกาแฟที่ยินดีให้ทุกคนนั่งแช่ทำงานด้วยโซฟานุ่มสบายได้ทั้งวัน จนพอผู้คนติดร้าน Starbucks มากเข้าก็ทำให้ร้านกาแฟทุกวันนี้ต้องปรับตัวให้กลายเป็น Third Place ตามคอนเซปต์ร้านกาแฟแบบ Starbucks ยังไงล่ะครับ
หรือเนื้อวากิวแบรนด์หนึ่งที่ไม่เหมือนเนื้อวากิวแบรนด์อื่นโดยสิ้นเชิง ด้วยคอนเซปต์เนื้อวากิวที่กินได้ทุกวัน
จากเดิมเนื้อวากิวนั้นถูกจำกัดด้วยนิยามของการต้องเลี้ยงที่เมืองโกเบเท่านั้น แล้วก็ต้องเลี้ยงให้ได้มันเยอะๆ ตามมาตรฐานของการจัดอันดับเนื้อวัววากิว แต่กับเนื้อโอซะกิ ที่ผู้เลี้ยงไม่ได้อยู่ที่เมืองโกเบตามมาตรฐาน แต่ใช้วิธีสร้างมาตรฐานของเนื้อวากิวแบบใหม่ขึ้นมา คือการเลี้ยงด้วยวิธีการที่เหนือกว่า จนทำให้การเลี้ยงในเมืองโกเบไม่จำเป็นอีกต่อไป
และเนื้อโอซะกินี้ยังต่างจากเนื้อวากิวในท้องตลาดที่มีมากมายหลายร้อยแบรนด์ตรงที่มีมันน้อยกว่า เพราะจากคอนเซปต์ที่ต้องการให้เป็นเนื้อพิเศษที่กินได้ทุกวันนั้นจะไม่สามารถทำได้เลยถ้าใช้มาตรฐานการเลี้ยงแบบเดิม ที่เน้นขุนให้วัวมีไขมันมากๆ เพราะเนื้อวากิวแบบนั้นจะทำให้กินบ่อยไม่ได้เพราะเลี่ยนมัน จึงเหมาะแก่โอกาสพิเศษเท่านั้นที่จะกิน
ผิดกับเนื้อวากิวแบรนด์โอซะกิ ที่ตั้งใจเลี้ยงให้มีมันน้อยกว่า แต่ก็ยังสามารถอร่อยกับความฉ่ำและนุ่มได้โดยไม่เลี่ยน จึงกลายเป็นเนื้อพิเศษที่ถ้ามีเงินก็สามารถซื้อไปกินได้ทุกวัน
หรือนวัตกรรมของสาหร่ายเมืองฮิโรชิมา ที่ตั้งคอนเซปต์ใหม่เป็น “สาหร่ายวายร้าย” ที่เปลี่ยนสาหร่ายกินเล่นเดิมให้กลายเป็นของซื้อฝาก ผ่านการทำคาแรกเตอร์ดีไซน์บนซองด้วยหน้าตาที่ออกเป็นวายร้ายๆ ตามสำเนียงดุดันแบบฮิโรชิม่า ทำให้สาหร่ายรสเดิมนั้นสามารถขายได้เพิ่มขึ้น 8 เท่า แบบง่ายๆ และที่สำคัญคอนเซปต์นี้ทำให้คู่แข่งส่วนใหญ่ไม่กล้าทำตาม
เพราะการจะมีแพ็กเกจจิ้งถึง 8 แบบนั้นส่งผลต่อต้นทุนอย่างมาก จะว่าไปเรื่องคอนเซปต์ของหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงหนังสือที่ชื่อว่า on Strategy หรือชื่อไทยว่า “กลยุทธ์” ของ Harvard Business Review ที่ให้นิยามของ Strategy ว่าคือ การตั้งเป้าอะไรก็ตามและทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง จนคู่แข่งไม่สามารถเลียนแบบได้ทัน เพราะการทำอะไรอย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอนนั้น ส่งผลให้เกิดความได้เปรียบแบบเท่าทวีคูณที่ยากจะเลียนแบบได้
และ Strategy ก็คือการเลือก ไม่ใช่แค่การเลือกว่าจะเป็นอะไร แต่ยังหมายถึงการเลือกที่จะไม่เป็นอะไรด้วย เพราะถ้าเลือกที่จะไปซ้ายก็จะไม่มีทางไปทางขวาพร้อมกันได้ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะอยู่กับที่และไม่มีวันได้เดินหน้าไปไหนสักทีครับ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่าย แต่ก็มีอะไรดีๆ ให้เก็บเกี่ยวได้เยอะ บอกตามตรงตอนหยิบมาอ่านผมยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้อะไรมากมายขนาดนี้ เพราะประมาทว่าตัวเองอยู่ในสายงานนี้มานานจนคิดว่าน่าจะรู้แล้ว แต่ที่ไหนได้ เล่มนี้กลับมีแต่แก่นพร้อมตัวอย่างที่ตรงประเด็น
เชื่อเลยว่าต่อให้ไม่ใช่คนที่ทำงานด้านครีเอทีฟหรือความคิดสร้างสรรค์มาก่อน ก็จะเข้าใจคำว่า คอนเซปต์ ได้ไม่ยากด้วยหนังสือเล่มนี้ครับ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี