Main Idea
- แค่เริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่พ่ายแพ้ เป็นหนังสือที่พูดถึงเหล่าคนดังระดับโลกที่เคยไม่ชนะ แต่พยายามต่อสู้จนสามารถกลับมาชนะได้ ด้วยวิธีคิดที่ถ้าไม่ชนะเกมเดิม ก็เล่นเกมใหม่ หรือแม้แต่สร้างเกมใหม่ของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้คนอื่นต้องอยู่ภายใต้กติกาที่เราสร้างขึ้น
- ในชีวิตเราไม่มีใครชนะได้ทุกครั้ง หรือได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการทุกหน ทุกคนต่างเคยล้มเหลว เคยพ่ายแพ้ แต่ทุกครั้งที่ล้มเหลว ไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ สิ่งหนึ่งที่คุณได้รับเสมอ นั่นคือ “ประสบการณ์” ซึ่งสิ่งนี้เรียนรู้จากตำราไม่ได้ แต่ต้องลงสนามจริงเท่านั้น
- หนังสือเล่มนี้บอกให้รู้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เพียงพวกเขาไม่ยอมแพ้ แต่ยอมรับ “ความเปลี่ยนแปลง” ของชีวิตได้ เมื่อยอมรับแล้วเราก็จะรู้ว่าจะต้องปรับปรุงตัวอย่างไรเพื่อให้กลับมาชนะได้อีกครั้ง ขอเพียงกลับมาให้ได้ เพราะชีวิตคนเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกครั้ง
ชื่อเรื่อง : แค่เริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่พ่ายแพ้
ผู้เขียน : หนุ่มเมืองจันท์
สำนักพิมพ์ : มติชน
ในฐานะที่ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้คนหนึ่งของคุณหนุ่มเมืองจันท์มากว่า 30 เล่มแล้ว บอกตรงๆ ว่าผมดีใจมากที่ได้เห็นหนังสือเล่มใหม่ของคุณหนุ่มเมืองจันท์ บอกตรงๆ อีกครั้งว่าเห็นหน้าปกทีแรกก็มองผ่าน เพราะคิดว่าไม่น่าสนใจ เดาว่าน่าจะเป็นหนังสือวิ่งที่ซิ่งออกมาตามกระแสการวิ่งอีกเล่มหนึ่ง แต่มีคนเอามาสะกิดให้ดูถึงรู้ว่านี่มันฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มใหม่ของคุณหนุ่มเมืองจันท์นี่หว่า! และผมก็ไม่พลาดที่จะคว้าหนังสือเล่มนี้ติดมือมา แค่เริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่พ่ายแพ้ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ เล่มที่ 31 มาสรุปให้ฟังกัน
แค่เริ่มต้นใหม่ไม่ใช่พ่ายแพ้เล่มนี้ พูดถึงหลายคนดังระดับโลกที่เคยไม่ชนะ แต่ก็ยังพยายามสู้ต่อจนสามารถกลับมาชนะได้อีกครั้ง หรือถ้าไม่ชนะเกมเดิม ก็อาจเป็นการเล่นเกมใหม่ หรือแม้แต่สร้างเกมใหม่ของตัวเองขึ้นมาจนทำให้กลายเป็นความได้เปรียบที่คนอื่นต้องมาอยู่ภายใต้กติกาของเกมที่ตัวเองสร้างขึ้น
อย่าง “ไทเกอร์ วูดส์” จากร่างกายที่ทรุดโทรมอย่างหนักแต่ก็ยังสามารถดิ้นรนจนกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
และการกลับมาฝึกซ้อมจนสามารถกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งของไทเกอร์ วูดส์ ก็ไม่ได้มาจากความต้องการกลับมามีชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่เกิดจากความต้องการที่จะคว้าแชมป์ให้ลูกเห็นเท่านั้นเอง
เพราะเดิมทีสมัยที่ไทเกอร์ วูดส์ ยังเป็นแชมป์นักกอล์ฟผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนั้นลูกของเขายังไม่เกิด ทำให้เมื่อลูกของเขาเกิดแล้วโตขึ้นมาก็ได้แต่เห็นพ่อตัวเองเป็นแชมป์แค่ใน YouTube เท่านั้น ซึ่งความรู้สึกมันคนละเรื่องกับของจริงมาก
และนั่นก็เป็นเหตุผลเล็กๆที่ ทำให้ไทเกอร์ วูดส์ พยายามฝึกฝนจากมรสุมชีวิตมากมาย ทั้งต้องผ่าตัดหลายรอบ ทำกายภาพอย่างหนักหน่วง แต่ในที่สุดเขาก็สามารถกลับมาคว้าแชมป์โลกให้ลูกเห็นกับตาตัวเองอีกครั้ง
ช่างเป็นความพยายามที่จะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิตที่ร่างกายเต็มไปด้วยปัญหา จนสามารถกลับมาเป็นผู้ชนะคนทั้งโลกเพื่อให้คนๆ เดียวมีความสุขจริงๆ ครับ
“วอร์เรน บัฟเฟตต์” พ่อมดนักลงทุนผู้ร่ำรวยติดอันดับโลกก็ให้ข้อคิดของการใช้ชีวิตที่น่าสนใจไว้ว่า การที่เขารวยมหาศาลได้ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขางก หรือว่าเขารู้จักการเก็บเงินประหยัดอดออมมากกว่าคนอื่น แต่เขาบอกว่าที่เขาร่ำรวยได้อย่างทุกวันนี้เพราะเขารู้ว่าควรต้องใช้เงินกับอะไรมากกว่า
ลุงวอร์เรน ยังบอกอีกว่า กิจกรรมที่ทำให้เรามีความสุขเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ดังนั้นถ้าใครที่บอกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ ขี้งกเพราะอยู่บ้านหลังเล็ก หรือยังใช้รถคันเก่า นั่นไม่ใช่เพราะเขางก แต่เพราะการได้บ้านหลังใหญ่ๆ หรือรถหรูคันใหม่ไม่ใช่ความสุขของเขาต่างหากครับ
เหมือนที่ “แรนดี้ เพาซ์” ที่เขียนหนังสือ The Last Lecture ชายผู้ใกล้จะตายแต่กลับใช้เวลาอันน้อยนิดไปกับการเตรียมการบรรยายให้กับนักศึกษาแทนที่จะอยู่กับครอบครัว เพราะเขาเชื่อว่าลูกๆ จะได้เห็นการสอนของเขาผ่านสื่อต่างๆ ผ่านแง่มุมต่างๆ จากผู้คนมากมายไปอีกนาน สิ่งนี้จะดีกว่าการที่เขาใช้เวลาอันน้อยนิดอยู่กับลูกแค่ในช่วงเวลานั้น
แรนดี้ เพาซ์ บอกว่า ประสบการณ์คือสิ่งที่คุณได้รับเมื่อคุณไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ
ในชีวิตของเรา ไม่มีใครชนะทุกครั้ง ไม่มีใครได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการทุกครั้ง ทุกคนเคยล้มเหลว ทุกคนเคยพ่ายแพ้ แต่ทุกครั้งที่ล้มเหลว ไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ สิ่งหนึ่งที่คุณได้รับเสมอคือ ประสบการณ์
ประสบการณ์ เรียนรู้ในตำราไม่ได้ ต้องลงเล่นในสนามจริงเท่านั้น
และเมื่อมีใครถามแรนดี้ เพาซ์ ว่าทำไมชีวิตเขาถึงประสบความสำเร็จเร็วกว่าคนอื่นจัง เพราะเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ถาวรเร็วกว่าคนอื่น
เพาซ์ เฉลยเคล็ดลับง่ายๆ ว่า ลองโทรมาคืนวันศุกร์ตอน 4 ทุ่มสิ แล้วคุณจะรู้เอง
สิ่งนี้บอกให้รู้ว่า ในคืนวันศุกร์ที่ทุกคนรีบกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว หรือไปฉลองปาร์ตี้ ตัวเขากลับยังทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ และเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จให้เร็วของเขาก็ง่ายมาก นั่นคือทำงานให้หนักกว่าคนอื่น
หรืออย่าง “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” อดีตซูเปอร์ซัพของแมนยูในสมัยก่อน ที่ไม่ได้ปล่อยเวลานั่งข้ามสนามดูเพื่อนเล่นให้สูญเปล่า แต่เขาดูเกมจากภายนอกและวิเคราะห์ตลอดเวลา ว่าถ้าตัวเองอยู่ในสนามควรจะทำอย่างไรกับคู่แข่งแบบนี้ จนถึงเวลาที่เขาถูกเปลี่ยนตัวเข้าไป จากการคิดทุกฝีก้าวอย่างเข้าใจเกมที่มากกว่าคนในสนาม ทำให้โซลชามักจะทำประตูได้ทุกครั้งที่ถูกเปลี่ยนเข้าไป
ถ้าไม่นั่งอยู่ข้างสนาม โซลชา ก็คงไม่มีฉายาซูเปอร์ซัพที่โด่งดังมาจนทุกวันนี้ และการนั่งข้ามสนามนั่นเองก็ทำให้เขาได้เรียนรู้วิธีการคุมทีมจากท่านเซอร์เฟอร์กี้ จนถึงวันที่เขากลับมาคุมทีมแมนยูเองก็ทำให้แมนยูกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ก็เหมือนกับนักบอลเก่งๆ ระดับโลก เอาจริงๆ แล้วบอลอยู่ในเท้าพวกเขาน้อยมาก หรือกับนักบอลบางคนที่เราเห็นว่า ไอ้คนนี้มันแค่ยืนถูกที่แล้วก็สะบัดเท้ายิงสบายๆ ได้ประตูเป็นประจำ อะไรมันจะโชคดีขนาดนี้นะ
แต่ในความเป็นจริงแล้วนักบอลระดับตำนานเหล่านี้เขาคอยหันซ้ายขวาเก็บข้อมูลในสนามอยู่ตลอดเวลา และระหว่างที่เก็บข้อมูลนั้นก็มีการวิเคราะห์แบบ Real-Time แล้วคิดคำนวณล่วงหน้าว่าลูกบอลน่าจะไปอยู่ที่ตรงไหน จากนั้นก็พาตัวเองไปรออยู่ในจุดที่บอลจะมา แล้วพอบอลมาก็แค่วิ่งนิดหน่อยแล้วซัดให้เข้าประตูไปเท่านั้นเอง
จะเห็นว่าความสำเร็จที่ดูเรียบง่ายนั้นเต็มไปด้วยการทำงานอย่างหนักที่น้อยคนนักจะรู้จริงๆ ครับ
หรือวิธีการทำให้ลูกน้องมาทำงานเช้าขึ้นโดยไม่ต้องลงโทษของบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองไทยก็แสนง่าย
ทุกบริษัทต่างต้องการให้พนักงานมาเช้ากันทั้งนั้น ก็เลยพยายามออกกฏเพื่อลงโทษพนักงานที่มาสาย ไม่ว่าจะหักเงินเดือน หักวันลา หักอะไรก็ตามที่สามารถจะหักได้ สุดท้ายแล้วก็ไม่ค่อยช่วยอะไรมาก เพราะคนที่มาสายก็จะมาสายต่อไปด้วยความคิดที่ว่า “อยากหักอะไรก็หักไปเถอะ ไม่แคร์”
แต่กับบริษัทนี้คิดต่างไปอีกมุมด้วยต้องการผลลัพธ์เดียวกัน เพราะแทนที่จะลงโทษคนมาสายแต่เขากลับเลือกให้รางวัลคนมาเช้า ด้วยการถ้าใครมาเช้าจะมีอาหารเช้าให้กินฟรี แต่ถ้าใครมาสายจะอดกินโดยไม่มีข้อแม้ และถึงแม้ว่าจะมีอาหารเหลือเต็มถาดก็ตาม
เพราะพอถึง 8 โมงปุ๊บแม่บ้านยกถาดอาหารฟรีทั้งหมดไปเก็บปั๊บ ทำให้พนักงานอยากมาเช้าด้วยความเต็มใจ มาเพื่อกินข้าวฟรีด้วยต้นทุนเล็กน้อย บรรยากาศออฟฟิศก็ดี ไม่ต้องมีใครมานั่งจับผิดใครหรือกดดันใครให้เสียบรรยากาศอีกต่อไป
สุดท้ายแล้วหนังสือแค่เริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่พ่ายแพ้ ก็บอกให้รู้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เพียงพวกเขาไม่ยอมแพ้ แต่ยอมรับ “ความเปลี่ยนแปลง” ของชีวิตได้ เมื่อยอมรับแล้วเราก็จะรู้ว่าเราจะต้องปรับปรุงตัวอย่างไรเพื่อให้กลับมาชนะอีกครั้ง
เพราะขอเพียงกลับมาให้ได้ ชีวิตคนเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกครั้ง
บางคนอกหัก แต่กลับได้แฟนใหม่ที่ดีกว่าเดิมหลายเท่านัก
บางคนถูกเลิกจ้างสูญเงินเดือนหลายหมื่น แต่กลับกลายเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีรายรับแต่ละเดือนหลายล้าน
คุณหนุ่มเมืองจันท์บอกว่า ชีวิตคือการวิ่งมาราธอนที่ไม่มีเส้นชัย
ไม่มีชนะ ไม่มีพ่ายแพ้ มีแต่การเปลี่ยนแปลง และ เริ่มต้นใหม่
ที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเราชนะหรือพ่ายแพ้ เพราะเขากำหนดเส้นชัยให้กับชีวิต และชอบมองย้อนกลับไปในอดีต แต่ทั้งหมดของสิ่งที่คิดว่าพ่ายแพ้ แท้จริงแล้วก็คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี