Main Idea
- ของวิเศษในกระเป๋าโดราเอมอนไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป มีหลายอย่างเกิดขึ้นจริงแล้วในวันนี้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น กำลังเข้ามาดิสรัปต์โลกธุรกิจได้ไม่น้อย
- SME เองก็สามารถดิสรัปต์ตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องของเทคโนโลยี ไม่ต้องทำอะไรใหม่ เพราะแท้จริงแล้ว คำว่า ดิสรัปชัน คือการทำให้สิ่งเดิมๆ หายไปด้วยการพลิกมุมคิดเท่านั้นเอง
ในวัยเด็กเราต่างจินตนาการถึงเทคโนโลยีก้าวไกล เราตื่นตาตื่นใจกับของวิเศษในกระเป๋าโดราเอมอน ไม่ว่าจะเป็นวุ้นแปลภาษา ผ้าคลุมล่องหน คอปเตอร์ไม้ไผ่ หรือประตูไปไหนก็ได้ แต่ผ่านมาเพียงชั่วเวลา 10 ปี บางอย่างได้เกิดขึ้นจริงแล้วในวันนี้ อย่าง ผ้าคลุมล่องหนที่คิดค้นโดยมหาวิทยาลัยไคโอ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ในด้านการทหาร หรือ อุปกรณ์การบินส่วนบุคคลที่ช่วยให้เราบินได้ไม่ต่างจากคอปเตอร์ไม้ไผ่ รวมถึงเครื่องแปลภาษา เช่น เมื่อเราพูดภาษาอังกฤษเครื่องจะแปลงออกมาเป็นภาษาจีน รวมถึงเครื่องเดียวกันก็สามารถแปลจากจีนเป็นอังกฤษได้เช่นเดียวเหมือนมีวุ้นแปลภาษาก็มีใช้แล้วจริงในงานแฟร์ระดับโลก ทำให้การติดต่อธุรกิจเป็นเรื่องง่ายขึ้น
วีรพล สวรรค์พิทักษ์ หรืออาจารย์โก้ CMO บริษัท La Nature ฉายภาพเทคโนโลยีเหล่านี้ให้เราเห็นในงานสัมมนา กล้า...ฉีกกรอบความคิด สร้างธุรกิจให้ก้าวหน้า ในหัวข้อ กล้าคิด! Disruptive Marketing ทลายเกมการตลาดสู่โอกาสไร้ขีดจำกัด แน่นอนว่าสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นคือ การดิสรัปชัน (Disruption) ที่เกิดจากเทคโนโลยี แต่ก็มีการดิสรัปต์อีกแบบหนึ่งที่เกิดจากการพลิกมุมคิดแล้วลงมือทำ
พลิกมุมคิดให้ธุรกิจเป็นฝ่ายดิสรัปต์
อาจารย์โก้ยกตัวอย่างธุรกิจธรรมดาที่สามารถเปลี่ยนโลกธุรกิจในอุตสาหกรรมของตัวเองได้ อย่าง Halo Top คือไอศกรีมที่ดังที่สุดของอเมริกาในวันนี้ คิดค้นโดย จัสติน วูลเวอร์ตัน เริ่มต้นเป็น SME ทั่วไปแต่กลายมาเป็นธุรกิจดาวรุ่ง จากการผลิตไอศกรีมที่มีแคลอรีน้อยกว่าทุกยี่ห้อในขณะที่มีโปรตีนมากที่สุดในท้องตลาด สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนรุ่นใหม่หันมากินไอศกรีม Halo Top กันหมด นี่คือการ “ดิสรัปต์” ความคิดความเชื่อที่ว่า ‘กินไอศกรีมแล้วจะอ้วน’ จนสามารถเอาชนะเหล่าแบรนด์ดังในสหรัฐฯ อย่าง Hagendaz, Ben&Jerry’s และ Breyers ได้
อีกธุรกิจดิสรัปต์ คือ 8 Greens เม็ดฟู่ที่มีสารอาหารเทียบเท่ากับบล็อกโคลี่ 15 ถ้วย ส้ม 6 ลูก และนมอีก 7 แก้วภายใน 1 เม็ด กลายเป็นสินค้าที่ปฏิวัติการกินผัก
จะเห็นว่าจริงๆ แล้ว ดิสรัปชันไม่ใช่อะไรใหม่หรือต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แต่คือการทำให้สิ่งเดิมๆ หายไป ซึ่งทุกคนทำดิสรัปต์ได้ทั้งสิ้นแม้แต่ SME เพียงแค่อย่ากลัวที่จะกล้าคิด
ธุรกิจยุคใหม่รอดการถูกดิสรัปต์ได้ด้วย Scale & Speed
โลกธุรกิจปัจจุบันแข่งกันด้วย Scale และ Speed ถ้าอยากให้ธุรกิจอยู่รอดได้หรือรอดพ้นจากการถูกดิสรัปต์ ต้องมี Scale ที่ใหญ่ขึ้น หรือมี Speed ที่เร็วกว่า ถ้าไม่ใช่ธุรกิจใหญ่ก็ต้องทำให้เร็วกว่าคนอื่น แต่ถ้าเป็นคนทำอะไรช้าก็ต้องขยายขนาดให้ใหญ่กว่า ยกตัวอย่าง 7-11 ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เหตุผลคือ มีทั้ง Scale และ Speed นี่เอง ที่สามารถขยายสาขาได้มากในเวลาที่รวดเร็ว
พลิกธุรกิจด้วยการคิดแบบ Exponential
ผู้ประกอบการมักคาดหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจต้องโตขึ้น มีความมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ แต่ในโลกยุคดิสรัปชันการเติบโตแบบนั้นคงไม่ทันใจ SME ยุคใหม่ต้องหันมองการเติบโตแบบ Exponential หรือการเติบโตแบบก้าวกระโดด แล้วจะมั่งคั่งร่ำรวยกว่าที่เคยเป็นมา
ซึ่งสิ่งสำคัญของการคิดแบบ Exponential คือ
1. Digitalization ใช้ดิจิทัลในการทำธุรกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
2. Deception อาจจะเติบโตได้ช้าในช่วงแรก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งจะเติบโตได้แบบก้าวกระโดดจนคาดไม่ถึง เหมือนกับตัวอย่างการเติบโตของ AirBnB ที่ค่อยๆ รวบรวมที่พักเข้ามาในระบบเรื่อยๆ ค่อยๆ ทำการตลาดจากที่ไม่มีใครสนใจ จนวันหนึ่งกลายเป็นธุรกิจที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมได้ในปัจจุบัน
3. Disruption อย่ายึดติดกับตลาดเดิม แต่หาตลาดใหม่
4. Demonetized ช่วงแรกอาจได้เงินน้อย แต่เมื่อถึงเวลารายได้จะมาเอง
5. Exponential มักเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ปัจจุบันเราดูรูปจากโทรศัพท์มือถือมากกว่าอัดรูปเป็นแผ่น หรือฟังเพลงจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งมากกว่าฟังจากแผ่นซีดี เป็นต้น
6. Democratization ในช่วงแรกจะมีราคาแพง แต่ในที่สุดจะราคาถูกลงเพราะเข้าถึงคนหมู่มากได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคนทำ SME มีแนวคิดแบบ Exponential คุณจะไม่ถูกดิสรัปต์ แต่จะกลายเป็นคนที่ดิสรัปต์ธุรกิจได้นั่นเอง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
- การที่จะกลายเป็นธุรกิจที่ดิสรัปต์คนอื่นได้นั้นต้องมีวิธีคิดแบบ Exponential แล้วธุรกิจจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
