Main idea
- ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงและไม่เคยหยุดนิ่ง หลายๆ คนมองหาวิธีทำให้ธุรกิจโตยังไงให้แตกต่าง
- เพราะการมีกลยุทธ์ดี กลยุทธ์เด็ด เหมือนเป็นอาวุธให้ธุรกิจ ไม่ต้องลงไปแข่งแย่งชิงตลาด Red Ocean แต่สามารถก้าวกระโดดมายืนเด่นให้คู่แข่งตาร้อนได้!!
แม้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน แต่กลับมีสินค้าและบริการผุดขึ้นมามากมาย หลายรายก็โผล่มาในช่วงเวลาสั้นๆ ชื่อแบรนด์ยังไม่เป็นที่จดจำก็หายไป หรือถ้ามีสินค้าชิ้นหนึ่งฮิตติดตลาด ก็จะมีการผลิตสินค้าเลียนแบบตามมา เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเป็นแบบนั้น วันนี้ SME จะโตยังไงให้แตกต่างและโตได้อย่างติดจรวด ลองมาดูคำแนะนำจากนักการตลาดรุ่นเก๋า รศ. ดร. เสรี วงษ์มณฑา ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและ SME
1. หา Sweet Spot
การหา Sweet Spot หรือจุดที่แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการต่อลูกค้าได้อย่างไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์ Pain Point ของลูกค้า ซึ่งสามารถทำได้โดยการวาดวงกลมขึ้นมา 3 วงให้ตัดกัน
วงแรกคือสิ่งที่แบรนด์มีอย่างโดดเด่น
วงที่สองคือสิ่งที่คู่แข่งไม่มีแต่เรามี
วงที่สามคือสิ่งที่ตลาดหรือลูกค้าต้องการ
ซึ่งจุดที่ตัดกันที่ได้จากวงกลมทั้ง 3 ก็คือ Sweet Spot จะช่วยให้แบรนด์มองภาพออกว่า แบรนด์มีจุดแข็งตรงไหน โปรดักต์ที่ธุรกิจควรทำ เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้
2. สร้างโอกาสจาก Market Gap
อีกประเด็นสำคัญสำหรับการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพคือ ผู้ประกอบการต้องมองหาช่องว่างในตลาด หรือ Market Gap ให้เจอ ซึ่งจะเป็นตัวที่แสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งที่อยากได้สินค้าหรือบริการประเภทนี้ แต่ยังไม่มีใครทำ เลยทำให้มีช่องว่างในตลาดที่รอให้แบรนด์เข้าไปเล่นอยู่ โดยเจ้าของธุรกิจสามารถหยิบเอา Sweet Spot ที่ได้มาอุดช่องว่างตลาดตรงนี้ เพื่อสร้างความแตกต่างได้
3. สร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า
สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจคือ ทุกวันนี้สิ่งที่จะสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้ คือ ตัวสินค้า (Good Product) การบริการที่มีคุณภาพ (High Quality Service) และต้องสร้างประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้าติดใจและประทับใจได้ (Impressive Experience)
ฉะนั้นกลยุทธ์สำคัญอีกอย่างที่ SME ไม่ควรมองข้ามคือ การใช้หลัก Customer Relationship Management (CRM) หรือการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเชื่อใจ มั่นใจในแบรนด์และไม่อยากจะจากไป รวมถึงการใช้หลัก Customer Experience Management (CEM) คือการที่แบรนด์สามารถส่งมอบประสบการณ์อันดีและน่าประทับใจให้กับลูกค้าได้ หากทำได้จะทำให้แบรนด์ไม่เป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งจะเข้าโจมตีได้ง่ายๆ และจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
4. ทำแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
อย่างที่เห็นกันว่าพอมีสินค้าชิ้นหนึ่งฮิตติดตลาด ก็จะมีการผลิตสินค้าเลียนแบบตามมา สิ่งที่จะทำให้ธุรกิจก้าวพ้นจุดนี้ไปได้ก็คือ การสร้าง Barrier หรือสิ่งที่เป็นตัวกีดขวางให้คนเลียนแบบไม่อาจชนะได้ นั่นก็คือ การทำแบรนด์ดิ้ง (Branding) ให้คนติดแบรนด์ ไม่ใช่แค่ติดโปรดักต์ ซึ่ง Branding ที่ดี นอกเหนือจากจะเป็น Branded Product หรือสินค้ายี่ห้อนี้ลูกค้าชอบ ต้องเป็น Branded Service หรือบริการแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้ ต้องที่นี้ที่เดียว และยังต้องเป็น Branded Experience หรือประสบการณ์แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้ ต้องเฉพาะที่นี้เท่านั้น ถึงจะทำให้แบรนด์แกร่งได้
5. ปรับตัวรับยุคดิจิทัล
เมื่อดิจิทัลเข้ามาแล้ว ทุกองค์กรก็ต้องรู้จักปรับตัวเองให้เป็น E-Business ก่อน เรียนรู้ที่จะใช้ดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือในการยกระดับธุรกิจ โดยเฉพาะการทำ E-Marketing ผ่านการใช้พื้นที่ของดิจิทัลในการสร้างแบรนด์ ยิ่งเป็นยุคที่โซเชียลมีเดียมาแรง โอกาสของการสร้างแบรนด์ให้เป็น E-Branding นั้นเรียกได้ว่ามีมากกว่าในอดีตที่ผ่านมามหาศาล
ไม่ว่าจะเป็นการขายแบบ E-Commerce การทำธุรกรรมออนไลน์ การใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถเลือกให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้ รวมไปถึงการทำ Content Marketing การตลาดที่สามารถเล่าเรื่องแบรนด์ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน Participation Marketing การตลาดที่แบรนด์เข้าไปร่วมสนทนากับลูกค้า เข้าไปอยู่ในเพจของลูกค้า และให้ลูกค้าอยู่เพจของแบรนด์ และ Engagement Marketing การตลาดที่แบรนด์กับลูกค้านั้นได้สนทนาและมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการทำ E-Relationship หรือความสัมพันธ์บนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
