Main Idea
- ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 ที่ Apple ได้เปิดตัวนวัตกรรมสุดยอดของโลกอย่าง iPhone ที่โด่งดังและทำให้ผู้คนมากมายสนใจในแบรนด์นี้ หลายปีที่ผ่านมาแอปเปิ้ลถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก มีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ผู้บริโภคได้ว้าวอยู่เสมอ
- แต่หลายคนกลับมองหาตอนนี้ยุคทองของแอปเปิ้ลได้จบลงแล้ว ล่าสุดงานประกาศรางวัลองค์กรนวัตกรรม แอปเปิ้ลเองกลับไม่ติด 1 ใน 10 ที่สำคัญยอดขายยังตกลงอย่างฮวบฮาบ เพราะอะไร ทำไมแอปเปิ้ลจึงเริ่มก้าวถอยหลัง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 ที่ Apple ได้เปิดตัวนวัตกรรมสุดยอดของโลกอย่าง iPhone ซึ่งโด่งดังและทำให้ผู้คนมากมายสนใจในแบรนด์นี้ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple ตั้งแต่ยุคบุกเบิกคือผู้ชายที่ได้ชื่อเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งบนโลกใบนี้อย่าง Steve Jobs ที่เขามักจะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นอยู่เสมอ ครั้งหนึ่ง Apple จึงได้ชื่อว่าเป็นองค์กรที่มีสุดยอดนวัตกรรม ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป Steve Jobs ก็ถึงวาระสุดท้าย มี Tim Cook ผู้บริหารคนใหม่เข้ามากุมบังเหียน แอปเปิ้ลเองก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาตัวเองต่อไป
แต่หลายคนกลับมองว่าตอนนี้ยุคทองของแอปเปิ้ลได้จบลงแล้ว อย่าง Peter Thiel นักลงทุนชื่อดังและอดีตคือหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Paypal ได้เคยพูดไว้ใน New York Times หัวข้อ ‘The age of Apple is over’ โดย Peter เห็นด้วยกับเรื่องนี้และบอกว่าเราทุกคนต่างรู้ดีว่า Smart Phone มีหน้าตาอย่างไรและมันไม่ใช่ความผิดใดๆ ของ Tim Cook เพียงแค่ตอนนี้แอปเปิ้ลไม่มีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นออกมาเลย
อย่างล่าสุดที่ได้มีการประกาศองค์กรที่มีนวัตกรรมระดับโลก (Most Innovative company of 2019) ของ Fast Company แต่แอปเปิ้ลเองกลับไม่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกด้วยซ้ำ โดยหล่นไปอยู่ที่ 17 อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาผลประกอบการของแอปเปิ้ลไม่สู้ดีนัก ส่งผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัว ยอดขายของแอปเปิ้ลในประเทศจีนจึงตกลงอย่างฮวบฮาบ แต่ลึกๆ แล้วมีเหตุผลอะไรบ้างที่แอปเปิ้ลไม่ได้เป็นองค์กรสุดยอดนวัตกรรมอย่างที่เคยเป็นมาอีกต่อไป ไปหาคำตอบกัน
- ราคาสูงสวนทางกับฟังก์ชั่น
หลังจากที่แอปเปิ้ลเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ตั้งแต่ iPhone 10, iPhone 8 จนมาถึง iPhone XS ก็ยังพบว่าราคาแพงอย่างต่อเนื่อง มีแฟนๆ แอปเปิ้ลรวมถึงคนทั่วไปมากมายที่พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าแพงเกินไป ราคาเปิดตัวของ iPhone XS อยู่ที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ iPhone XS Max อยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยราคาที่แพงขนาดนี้แต่กลับไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรให้ผู้บริโภครู้สึกว้าวได้เลย แม้กระทั่ง Face id ระบบสแกนหน้าที่มีปัญหาเยอะ ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ทำให้คนรู้สึกว่ายังไม่อยากเปลี่ยนจากรุ่นเก่าไปรุ่นใหม่เพราะไม่ต่างกันเท่าไหร่ หรือบางรายอาจจะเปลี่ยนไปลองใช้แบรนด์อื่นๆ เลยก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลเช่นกัน ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังมี Brand Loyalty กับแอปเปิ้ลและพร้อมจะสนับสนุนอะไรใหม่ๆ เช่นกัน
- นวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
- ทางเลือกของผู้บริโภคมากขึ้น
แน่นอนว่าแอปเปิ้ลเคยเป็นทางเลือกอันดับ 1 หรือไม่ก็ 2 สำหรับผู้บริโภค แต่ในตอนนี้ที่หลายแบรนด์ก็เริ่มดันตัวเองขึ้นมาแซงหน้าแอปเปิ้ลไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่ต้องพูดถึง Samsung ที่มีจำนวนผู้ใช้งานที่เยอะกว่าและมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในช่วงที่ผ่านมา แม้แต่ Huawei แบรนด์สมาร์ทโฟนจากแดนมังกรก็ได้ขยับขึ้นมามียอดขายเป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้แอปเปิ้ลตกไปอยู่ที่อันดับ 3 โดย Huawei เป็นสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า นอกจากนี้คนจีนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้ Huawei มากกว่าแอปเปิ้ลด้วย อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ยอดขายแอปเปิ้ลในประเทศจีนตกลงก็เป็นได้
- ติดกับสูตรสำเร็จแบบเดิม
อดีตแอปเปิ้ลถือว่าเป็นองค์กรที่มีความเป็นผู้นำหลายๆ ด้าน เรียกได้ว่าเป็นผู้นำยุคบุกเบิกสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว ด้วยความเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีความเก่งกาจ อาจกลายเป็นปัญหาของยักษ์ใหญ่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Frank Nouvo อดีตหัวหน้าแผนกดีไซน์ของแบรนด์โทรศัพท์ระดับโลกอย่าง Nokia เคยออกมาเตือนแอปเปิ้ลในเรื่องของการปรับตัวแล้วว่าประสบการณ์ของ Nokia ที่เคยโด่งดังและประสบความสำเร็จ เขากลับยึดติดแต่ความสำเร็จเดิมๆ จนไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ออกมาทำให้ในที่สุด Nokia ก็ไปต่อไม่ได้ เขาได้บอกว่าตอนนี้แอปเปิ้ลก็กำลังเผชิญปัญหาไม่ต่างกัน ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทั้ง iPhone iPad iMac แต่หากเขายังเลือกสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่คล้ายๆ เดิมออกมา ไม่มีความแตกต่างหรือสร้างสิ่งใหม่ สุดท้ายผู้บริโภคก็จะเริ่มเบื่อหน่ายในที่สุด
แน่นอนว่าแอปเปิ้ลก็ยังคงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของแบรนด์ Gadget ที่มีความหรูหรา ฟังก์ชั่นดี ดีไซน์โดน ใช้แล้วดูดี มีระดับ แต่ถ้าแอปเปิ้ลยังคงอยู่ใน Comfort Zone ต่อไป ไม่มีอะไรออกมาให้ผู้บริโภคได้ว้าวหรือขาดนวัตกรรมใหม่ๆ ก็อาจจะทำให้คนหันไปมองแบรนด์อื่นที่ราคาจับต้องได้มากขึ้น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี