เพราะปัจจุบันการทำการตลาดเพียงช่องทางเดียวนั้นไม่เพียงพอ แม้กับ บริษัท ชุณศาสตร์ จำกัด ที่นำสินค้าหลายต่อหลายอย่างเข้าไปขายในทีวีโฮมช้อปปิ้งก็ต้องหันมาปรับกลยุทธ์เพื่อรุกและเดินหน้าต่อในการเข้าถึงผู้บริโภคที่มีความต้องการที่หลากหลาย แต่หมากที่ใช้เดินนั้นจะเป็นยังไงมาดู กฤษฎา ชุณศาสตร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชุณศาสตร์ จำกัด พูดถึงเคล็ดลับดีๆ ที่ผู้ประกอบการ SME สามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ได้กัน
Tips ... ก่อนจะบุก ต้องรู้จักตลาด
หากต้องการที่จะนำเสนอขายสินค้าให้กับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ไม่ควรมองข้ามการทำรีเสิร์ช บางครั้งการนำสินค้าบางชนิดเข้ามาขายต้องทำการรีเสิร์ชสักนิดว่าสินค้าประเภทนี้นั้นเหมาะสมกับคนไทยหรือไม่ ซึ่งการออกไปสัมผัสกับตลาดจริงและคนที่ใช้จริงอย่างการออกบูธตามตลาดนัดถือว่าเป็นการทำรีเสิร์ชที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะทำให้สามารถเห็นถึงปฏิกิริยาโต้ตอบและความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลตรงนี้มาวิเคราะห์ดูแนวโน้มได้ว่าผู้บริโภคจะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นหรือไม่
Tips ... ลุยตลาดเพื่อให้ได้ผู้ใช้จริง
เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า การตลาดเชิงรุก เช่น การไปออกบูธหรือเช่าพื้นที่ตั้งร้านเพื่อทำการสาธิตและนำเสนอสินค้าเป็นกลยุทธ์ที่ดีอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ทางบริษัทได้ใช้วิธีนี้ในช่วงแรกของการทำธุรกิจในการแนะนำสินค้าอย่างผ้าขนหนู โดยจะมีการไปออกบูธตามตลาดนัดข้างล่างของอาคารสำนักงานต่างๆ ช่วงวันธรรมดาจันทร์ – ศุกร์ และเช่าพื้นที่ตั้งร้านตามสวนสาธารณะที่คนมาออกกำลังกายเยอะๆ ในวันเสาร์ – อาทิตย์ ซึ่งจะมีการเตรียมอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นผ้าขนหนูหรือน้ำ 1.5 ลิตร เพื่อทำการสาธิตให้คนบริเวณนั้นได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติในการซับน้ำได้ดีเพียงใด พร้อมทั้งรับฟังคอมเมนต์จากผู้คนที่มาดูการสาธิตของเรา ซื้อบ้าง ไม่ซื้อบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้สัมผัสกับผู้คนจริงๆ ถึงแม้ว่าโปรดักต์จะเป็นสิ่งแปลกใหม่ในขณะนั้น แต่เมื่อคนได้มีโอกาสลองใช้ดูแล้ว เขาก็จะยอมรับสินค้าของเราได้มากขึ้น
Tips ... สร้างสาวกเพื่อบอกต่อ
ปัจจุบันการที่เราลงไปกลางฝูงชนแล้วถือโทรโข่งตะโกนให้ดังกว่าชาวบ้านนั้นไม่ได้ช่วยในการทำธุรกิจแล้ว ซึ่งสิ่งที่ทำได้ก็คือ เราต้องสร้างสาวกหรือลูกค้าของเราขึ้นมา เพราะหลังจากที่พวกเขาได้ลองใช้และมีประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์ของเราแล้ว สาวกเหล่านี้ก็จะทำการบอกต่อไปยังบุคคลอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นการตลาดที่ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการประเภทไหนก็สามารถนำไปใช้ได้
Tips ... อย่าหยุดพัฒนาสินค้า
การขายบนทีวีอย่างเดียวอาจจะเป็นไปได้ดีในช่วงปีแรก แต่หลังจากนั้นเราต้องมีการพัฒนาสินค้าเพราะแต่ละช่องนั้นมีฐานคนดูที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะของเขา เมื่อไรก็ตามที่สินค้าขายหมดไปแล้ว วันหนึ่งก็จะดรอป ดังนั้นต้องมีการพัฒนาสินค้าอยู่เรื่อยๆ เช่น ผลิตรุ่นใหม่ออกมา เปลี่ยนสี เปลี่ยนฟีเจอร์ หรือการใช้งานต่างๆให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบการอื่นๆที่วันนี้การจะรุกตลาดนั้นต้องไม่อยู่เฉย ต้องมีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการอยู่เสมอ
Tips ... ใช้เครื่องมือออนไลน์
นอกเหนือจากคนที่ดูโทรทัศน์แล้ว ยังมีประชากรในเมืองไทยอีกมากที่ไม่นิยมดูทีวี โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่กระแสของออนไลน์มาร์เก็ตติ้งหรือดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งนั้นมาแรง ปัจจุบันคนไทยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ผ่านทางดิจิตอลได้แล้ว ซึ่งคนที่ทำธุรกิจอย่ายึดติดกับความคิดที่ว่าคนในต่างจังหวัดจะไม่สามารถเข้าถึงคอนเทนต์เหล่านี้ได้ เพราะทุกวันนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นนอกจากการสื่อสารทางทีวีแล้ว เครื่องมืออย่างออนไลน์หรือสื่อดิจิตอลต่างๆจึงเป็นผู้ช่วยที่สำคัญในการทำการตลาดยุคใหม่
Tips ... จับ “นกฟ้า” มาใส่กรง
อย่างที่รู้กันว่าเทรนด์ดิจิตอลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเราอาจจะตามเทรนด์การตลาดไม่ทันซึ่งก็ต้องอาศัยการลองผิดลองถูกและติดตามความเปลี่ยนแปลงต่างๆอยู่เสมอ เช่น ตอนนี้ที่เครื่องมืออย่าง “นกฟ้า” หรือ “ทวิตเตอร์” กำลังจะกลายเป็นช่องทางมาแรงของการสื่อสารและทำการตลาดของธุรกิจ เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนแอคเคาท์เป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วและเกาะติดกระแสต่างๆที่ผู้คนสนใจได้
Tips ... ไม่มองข้าม การใช้เว็บไซต์
อีกอย่างที่สำคัญในการทำการตลาดคือ เว็บไซต์ เราเคยมองว่าเว็บไซต์เป็นเพียงฐานข้อมูล ไว้เก็บข้อมูลของเรา ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร แต่ในปีนี้และปีถัดๆไปเว็บไซต์จะมาแรงและตอบโจทย์ให้กับการทำธุรกิจ เพราะคนจะหันมานิยมทำการเข้าเว็บไซต์ผ่านทางช่องทางค้นหาอย่างกูเกิลมากขึ้นแทนที่จะเป็นเฟซบุ๊กอย่างเมื่อก่อน ดังนั้น เว็บไซต์จึงกำลังจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรไปดูหลังบ้านของตัวเองแล้วทำการปรับฐานข้อมูลให้ทันสมัย ใช้งานง่ายและมีความสวยงาม
Tips ... Influencer ยังอยู่
นอกจากนี้ การใช้ผู้ทรงอิทธิพลหรือ Influencer ยังเป็นเทรนด์การทำการตลาดที่ยังใช้ได้ แต่จะปรับเปลี่ยนมาเป็น Micro Influencer ที่ค่อนข้างจะ Fragmentation มากขึ้นหรือมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นนั่นเอง เช่น คนที่เป็น Micro Influencer ในการทำเพจร้านอาหารก็จะแยกย่อยลงไปในเรื่องของเป็นร้านอาหารประเภทไหน ร้านอาหารจีนหรืออาหารฝรั่ง หรือว่าร้านอยู่ย่านไหน เป็นต้น เพราะฉะนั้นในแง่ของนักการตลาด การทำคอนเทนต์จะต้องทำคอนเทนต์ที่ Fragmentation มากขึ้นและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้จริงๆ
Tips ... X is all around
การตลาดแบบ Collaboration หรือการ X กับแบรนด์อื่นๆ เป็นการสร้างคอนเนกชันและโอกาสทางการตลาดที่ดีมาก ซึ่งการเข้าไปจับมือร่วมกับแบรนด์อื่นนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่วงการแฟชั่นเท่านั้น เพราะสามารถ X กันได้ในทุกประเภทธุรกิจ เช่น อย่างล่าสุดที่แบรนด์เครื่องสำอาง Tony Moly ทำการ X กับแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลีชื่อดังอย่าง Samyang ชี้ให้เห็นว่าขนาดเครื่องสำอางยังมา Cross กับแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้เลย แม้ว่าจะมีฐานผู้บริโภคคนละกลุ่มแต่ก็เป็นอีกจุดที่สามารถนำไปต่อยอดได้ เพราะฉะนั้นโอกาสของการ X นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆแบรนด์ ซึ่งเทรนด์ของการ Collaboration นั้นยังสามารถไปต่อได้อีกนานมาก
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี