ถ้าพูดถึงโมเดิร์นเทรด หลายคนอาจจะมองว่าเป็นช่องทางสุดหินสุดโหด ดูเข้ายากเหลือเกินสำหรับ ผู้ประกอบการ SME แบรนด์หน้าใหม่หรือแบรนด์เล็กๆ นอกจากการเตรียมตัวแล้วยังต้องไปเผชิญกับคู่แข่งมากมายมหาศาลที่อยู่ในนั้น แต่เอาเข้าจริง ถ้าคุณเตรียมตัวให้ดีก็ไม่มีอะไรยากอย่างที่คิด หนึ่งในผู้ที่มีประสบการณ์นำพาสินค้าของตัวเองเข้าไปอยู่ในโมเดิร์นเทรดตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าเครือเดอะมอลล์ วิลล่ามาเก็ต Foodland ไปจนถึงร้านขายยาบูธอย่าง ไมค์ - อธิปปวรรธน์ สิริอรรถิยะประภา เจ้าของแบรนด์ Nuttarin ที่ขายสินค้าเกี่ยวกับมะพร้าว ตั้งแต่น้ำมันมะพร้าวประกอบการ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ยาหม่องมะพร้าว ไปจนถึง Skincare เกี่ยวกับมะพร้าว ไมค์ได้เล่าให้ฟังว่าเขาพาแบรนด์ Nuttarin บุกโมเดิร์นเทรดได้ตั้งแต่ในปีแรกที่ทำเลย โดยเขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานด้านโมเดิร์นเทรด รีเทลมาก่อน ไมค์จึงมองว่าการพาสินค้าเข้าโมเดิร์นเทรดไม่ยากแต่ก็ประมาทไม่ได้
“แบรนด์เล็กๆ หรือเพิ่งเริ่มต้นก็เข้าได้ ทุกคนสามารถเข้าโมเดิร์นเทรดได้หมด แต่สิ่งสำคัญคือ คุณจะอยู่รอดปลอดภัยในการแข่งขันที่สูงขนาดนั้นหรือเปล่า ถ้าเราเป็นคนเล็กๆ Power น้อยๆ แล้วขายของไม่ได้ภายในสามเดือน เขาก็อาจจะเขี่ยคุณออกได้เลย มันขึ้นอยู่กับการเตรียมตัว พอเข้าไปมันคือ 50/50 เลย ถ้าเราเตรียมตัวดีก็เป็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าเราไม่พร้อม เข้าไปแบบติดๆ ขัดๆ ก็เป็นข้อเสีย ต้องดูว่าคุณยังขาดตรงจุดไหน ถ้าสินค้าดีแล้ว แต่จุดอื่นยังไม่ดีเข้าไปอาจจะแย่ก็ได้ ต้องมีความพร้อมและการซัพพอร์ทที่ดีจากหลังบ้าน เพราะยังไงผมมองว่าโมเดิร์นเทรดก็ยังเป็นโอกาสที่ดี เป็นประตูสู่โลกกว้างอีกทางหนึ่งเลย”
1. สินค้าต้องมีอย.และข้อมูลให้ชัดเจน
สิ่งสำคัญที่สุดในการนำสินค้าเข้าสู่โมเดิร์นเทรด คือเครื่องหมาย อย. ถ้าหากไม่มีอย. ก็ไม่สามารถเข้าโมเดิร์นเทรดได้ สเต็ปแรกที่ SME ต้องทำคือการขอเครื่องหมายเหล่านี้ให้พร้อม มี Product Information ที่จำเป็น เมื่อคุณเตรียมข้อมูลเหล่านี้พร้อมแล้วก็มาถึงสเต็ปต่อไป
2. มีรูปลักษณ์ที่สวยงามโดนใจ
อีกเรื่องที่คุณต้องใส่ใจถ้าอยากพาสินค้าเข้าสู่โมเดิร์นเทรดคือเรื่องของแพ็คเกจจิ้ง รูปลักษณ์ภายนอกของสินค้า ยิ่งห้างที่มีระดับยิ่งต้องพัฒนาแพ็คเกจจิ้งให้สวยงาม โดยขั้นแรกที่คุณต้องผ่านด่านคือเหล่าฝ่ายจัดซื้อ ถ้าคุณทำให้สินค้าโดนใจพวกเขาได้ ก็ผ่านฉลุย
3. อย่าปล่อยให้สต็อกขาด
หลังจากที่คุณเข้าไปวางสินค้าตามโมเดิร์นเทรดได้แล้ว มีเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญคือการ Forecast สินค้า คำนวณดูว่าสินค้าจะขาดไหม ขายได้ไหม ถ้าสินค้าขาดสต็อก ไม่มีสินค้าบนชั้นวางจะสามารถผลิตได้ทันความต้องการของผู้บริโภคไหม เพราะถ้าคุณขายดีจนสินค้าขาดแล้วปล่อยให้ขาดเป็นเวลานาน ก็อาจจะถูกแบรนด์อื่นมาวางแทนที่
4. ต้องทำการตลาดควบคู่ไปด้วย
การที่คุณเข้าสู่โมเดิร์นเทรดได้แล้ว ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ว่าสินค้าจะขายดีด้วยตัวเอง ในช่วงแรกคุณอาจจะต้องทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ให้ลูกค้ารับรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนบ้าง หาซื้อสินค้าของคุณได้ที่ไหน จัดโปรโมชั่นไปจนถึงการลองสำรวจตลาดในแต่ละร้านว่าสินค้าของคุณขายดีไหม มีลูกค้าสนใจบ้างหรือเปล่า อย่างไมค์เองในตอนแรกๆ ก็ได้ลงไปสำรวจตลาด ไปยืนเชียร์สินค้าด้วยตัวเอง เนื่องจากไม่มีเงินในการทำมาเก็ตติ้งเยอะ จึงใช้วิธีการใช้ข้อมูลลูกค้าแบบตัวต่อตัว
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี