กระเป๋าหนังคลาสสิกสีน้ำตาลที่มีรายละเอียดอยู่ในทุกดีเทล ถูกสกรีนตัวอักษรที่คุ้นตา LV คือสัญลักษณ์ของกระเป๋าแบรนด์เนมที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดแบรนด์หนึ่งในโลก แถมยังเป็นแบรนด์กระเป๋าที่สาวๆ หลายคนเฝ้าฝันว่าจะได้จับจองเป็นเจ้าของสักครั้งในชีวิต กว่า 164 ปีที่ Louis Vuitton ได้เริ่มต้นขึ้นบนโลกใบนี้ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดย Louis Vuitton Malletier (Malletier แปลว่าช่างผลิตหีบ) ซึ่งเริ่มต้นมาจากการทำกระเป๋าเดินทางหรือหีบใส่ของในสมัยนั้น Louis Vuitton ได้เจาะกลุ่มตลาดไฮเอนด์ ด้วยฝีมือด้านการดีไซน์และคุณภาพของสินค้า เขาจึงได้รับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและทำกระเป๋าพิเศษราชินี Eugenia de Montijo ของ จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 หลังจากนั้นกระเป๋าของ Louis Vuitton จึงเริ่มกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ของชนชั้นสูงและถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็กลายเป็นกระเป๋า It bag ในตำนานที่ใครๆ ก็อยากได้ อยากมี!
หนึ่งในความลับเบื้องหลังแห่งความสำเร็จของ Louis Vuitton ที่ทำให้ใครๆ ต่างก็ปลาบปลื้มนั่นคือคุณภาพที่ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าองค์กรของ Louis Vuitton จะเติบโต มีพนักงานเป็นหมื่นเป็นแสนคนแค่ไหน แต่กระเป๋าทุกใบจะถูกทำขึ้นมาด้วยฝีมือคนเท่านั้น กระเป่าทุกใบของ Louis Vuitton จะมีความประณีต ละเอียดลออ สามารถใช้ได้นาน ยิ่งเก่า ยิ่งสวย ยิ่งคลาสสิกแถมราคายังพุ่งแรงแบบไม่มีตก จนใครหลายคนซื้อ Louis Vuitton รุ่นเก่าๆ ไว้เก็งกำไรก็มีเลยล่ะ สิ่งสำคัญคือเขาไม่มุ่งเน้นด้านการทำตลาดแต่มุ่งเน้นไปที่การทำสินค้าของเขาให้มีคุณภาพ มีความพิเศษ โชว์งานออกแบบและฝีมือการผลิตแบบ craftsmanship จนทำให้ลูกค้าบอกกันแบบปากต่อปากแถมใครได้ครอบครองก็ยังดูดี มีสไตล์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ Louis Vuitton ยังใช้กลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้าต้องการสินค้าของเขามากขึ้นด้วยการออกแบบสินค้าในแต่ละรุ่นไม่เยอะ อย่างเช่น รุ่น Limited Edition ต่างๆ ที่วางจำหน่ายไม่นานก็หมดในพริบตา เป็นเพราะจุดมุ่งหมายเขาไม่ต้องการให้สินค้านั้น Mass เกินไป นั่นหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นเจ้าของกระเป๋ารุ่นที่ตัวเองต้องการถ้าหากว่าคุณซื้อไม่ทันก็ต้องอด! ด้วยกลยุทธ์นี้ยิ่งทำให้สาวๆ หลายคนมีความต้องการกระเป๋าของ Louis Vuitton มากยิ่งขึ้นและยิ่งเหล่าซีรี่ย์ Limited Edition จะยิ่งราคาพุ่งปรี้ด ไม่มีตกเลยล่ะ
แม้ว่า Louis Vuitton จะเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ที่อยู่ยงคงกระพันมาเป็นร้อยปี แต่สิ่งที่ทำให้เขาสามารถอยู่ได้และเติบโตขึ้นทุกวันนั่นเป็นเพราะว่าความใส่ใจในเรื่องคุณภาพซึ่งเป็น Core ขององค์กร นอกจากนี้เขายังมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและยังคงความคลาสสิกและเอกลักษณ์เอาไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาได้มีการออกคอลเลคชั่นร่วมกับศิลปินหรือดีไซเนอร์ชื่อดัง เช่น Pharrell Williams ที่ได้ Collaboration กับ Louis Vuitton จนออกมาเป็น The Blason จิวเวลรี่ หรือจะเป็น Takashi Murakami x Louis Vuitton ออกมาเป็นคอลเลคชั่นกระเป๋าที่ได้งานอาร์ตของ Murakami มาเติมเต็ม เอาใจวัยรุ่นได้ดียิ่งขึ้น โดยซีรี่ย์เหล่านี้ทำให้ Louis Vuitton ได้เพิ่มสีสันให้แก่แบรนด์ของตัวเองอีกทั้งยังทำแบรนด์เชื่อมต่อกับผู้คนกลุ่มใหม่ๆ ได้อีกด้วย
และนี่ก็คือตัวอย่างความยั่งยืนของแบรนด์ระดับโลกที่ไม่ว่าจะเติบโตสักแค่ไหนก็ยังไม่ทิ้งคุณค่าของตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น ยังคงรักษาคุณภาพเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมพร้อมกับพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี