คงเป็นเรื่องที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าในตอนนี้ กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อจำนวนมากนั่นคือกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลที่เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1977 – 2000 ซึ่งในประเทศไทยเองก็มีคนกลุ่มมิลเลนเนียลประมาณ 20 กว่าล้านคนเลยทีเดียวที่สำคัญคนกลุ่มนี้กำลังก้าวขึ้นมาเป็น Workforce หรือแรงงานหลักของโลก เมื่อพวกเขาทำงาน มีรายได้ สิ่งที่ตามมาคืออำนาจในการตัดสินใจที่จะจับจ่ายใช้สอย
และเมื่อคุณกำลังทำธุรกิจในยุคนี้ กลุ่มลูกค้าที่คุณต้องเอาอกเอาใจเลยคือคนกลุ่มมิลเลนเนียลนี้แหละ ไม่เพียงแค่พวกเขามีอำนาจในการใช้จ่ายแล้ว พวกเขายังมีพลังอยู่บนโลกโซเชียล หากว่าพวกเขาพูดถึงแบรนด์ไหน รักแบรนด์ไหนหรือแม้แต่ไม่ชอบแบรนด์ไหน ก็อาจจะส่งกระทบได้เป็นวงกว้างจนทำให้แบรนด์ของคุณดังในชั่วข้ามคืนหรือเจ๊งได้ในชั่วข้ามวันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นหากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จในยุคที่มิลเลนเนียลกำลังจะครองโลก ต้องรู้ให้ลึกว่าพวกเขาต้องการอะไรกันบ้าง
หมัดเด็ดที่ 1 ความสะดวกสบายต้องมาก่อน
ต้องเข้าใจก่อนว่าคนยุคมิลเลนเนียลเกิดขึ้นมาบนโลกที่ถูกพัฒนาแล้ว ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเหล่า Fast Food สั่งปุ้ปเสิร์ฟปั้ป แม้แต่การหาข้อมูลในห้องสมุดยังไม่จำเป็น เพียงแค่คลิก Google 2 วินาที ทุกอย่างที่อยากรู้ก็ปรากฏอยู่ข้างหน้าแล้ว ทำให้พวกเขาเคยชินกับความสะดวกสบาย ธุรกิจหรือแบรนด์ที่อยากจะจับใจลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลจึงต้องศึกษาพฤติกรรมของพวกเขาให้ดี ดูว่าอะไรที่จะสามารถทำให้พวกเขาสะดวกมากที่สุด เช่น กดสั่งของวันนี้ พรุ่งนี้รอรับได้เลย หรือแม้แต่บริการต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น คุณก็จะกลายเป็นแบรนด์ที่น่าจดจำสำหรับเหล่ามิลเลนเนียลได้ไม่ยาก
หมัดเด็ดที่ 2 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา
ยุคนี้เป็นยุคที่มีทางเลือกมากมายให้แก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะซื้ออะไรสักอย่างก็มีเว็บไซต์ที่สามารถให้คุณเข้าไปเปรียบเทียบดูว่าร้านไหนถูกที่สุด เพราะฉะนั้นมิลเลนเนียลจึงเป็นคนที่มีทางเลือกมากมายและพวกเขาก็ชินกับการหาข้อมูลตัดสินใจก่อนที่จะซื้อสินค้าสักชิ้นหนึ่ง ดังนั้นการทำธุรกิจในยุคนี้ คุณจะต้องสร้างทางเลือกให้แก่พวกเขา ให้พวกเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนควบคุมเกมนี้อยู่ คุณอาจจะมอบส่วนลดสุดพิเศษสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะหรือมีโปรโมชั่นอะไรบางอย่างที่มากกว่าคู่แข่งของคุณ ให้เขารู้สึกว่าเขาได้ในสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการกับคุณ
หมัดเด็ดที่ 3 อย่ามอบสินค้า แต่มอบประสบการณ์
คนกลุ่มมิลเลนเนียลอาจจะดูเอาใจยากสักหน่อย เพราะพวกเขามีความรักอิสระ อาจจะดูเข้าใจยากไปบ้างแต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือประสบการณ์ในการใช้ชีวิตให้คุ้มค่านั่นเอง คนยุคนี้ไม่ได้ต้องการแค่ซื้อบ้าน ซื้อรถแล้วประสบความสำเร็จแต่พวกเขาอยากออกไปท่องโลก เช่ามอเตอร์ไซต์เน่าๆ แล้วขี่ดูธรรมชาติแบบ Unseen ที่เวียดนาม บินไปอีกซีกโลกเพื่อ Music Festival หรือจ่ายเงินกินอาหารแปลกๆ ที่จำกัดคนต่อรอบ
ดังนั้นหากคุณคิดที่จะขายสินค้าหรือบริการให้คนยุคมิลเลนเนียลแบบที่เขาจะพูดกันปากต่อปากคือคุณต้องมอบประสบการณ์ที่ดีให้พวกเขาด้วย ลองมองหาสตอรี่ของแบรนด์คุณแล้วเล่าออกมาเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าการ Hard Sell บอกแค่ว่าสินค้าคุณมีคุณสมบัติอย่างไร แต่คุณต้องบอกเขาว่าถ้าเขาใช้สินค้าของคุณแล้วเขาจะได้รับประสบการณ์อะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น
หมัดเด็ดที่ 4 คุณต้องเป็นคนดี
เดี๋ยวนี้คนยุคมิลเลนเนียลให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้อยากใช้จ่ายเงินแล้วจบไปแต่เขาอยากให้เงินซื้อสินค้าและรู้ว่าเงินของเขาจะสามารถทำประโยชน์ให้แก่โลกนี้ได้มากขึ้น เช่น แคมเปญของ Toms Shoes ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับ One for One คือซื้อรองเท้า 1 คู่เท่ากับคุณได้มอบรองเท้าอีก 1 คู่ให้เด็กยากไร้ นอกจากนี้สินค้ารักษ์โลก ดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือแม้แต่แบรนด์ไหนที่ปราศจากแพ็คเกจจิ้งเพื่อลดโลกร้อน ยังดึงดูดกลุ่มมิลเลนเนียลได้มากกว่าแบรนด์ที่ไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เลย
หมัดเด็ดที่ 5 ทำให้เขารู้สึกพิเศษและไม่เหมือนใคร
ลูกค้ามิลเลนเนียลยอมควักกระเป๋าจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้สินค้าที่ไม่ Mass นี่คือเรื่องจริง ยิ่งคนในยุคนี้ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พวกเขาอยากใช้สินค้าหรือต้องการบริการที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ ดังนั้นการใช้กลยุทธ์แบบ Customized จึงได้ผลเสมอ ยิ่งถ้าให้พวกเขาสามารถออกแบบได้เอง เลือกสี เลือกไซส์ เลือกดีเทล สามารถปักชื่อลงไปบนสินค้า ยิ่งทำให้แบรนด์ของคุณเข้าไปอยู่ในใจพวกเขาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้คุณควรที่จะจดจำพวกเขาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว ความชอบ ประวัติการซื้อสินค้า เมื่อเขากลับมาใช้บริการคุณอีกแล้วพบว่าคุณจำพวกเขาได้ จะยิ่งทำให้พวกเขาประทับใจแบรนด์ของคุณมากขึ้น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี