ดีลอยท์เผยผลสำรวจ ธุรกิจครอบครัวในเอเชียยังให้ความสำคัญกับการสืบทอดกิจการภายในครอบครัว แต่ยอมรับต้องพึ่งพาองค์ความรู้จากบุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้เพื่ออุดช่องว่างกิจการ
ดีลอยท์ร่วมกับสถาบันธุรกิจครอบครัวแห่งมหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์ (Business Family Institute, Singapore Management University) ได้ทำการสำรวจหา แนวทางของธุรกิจ ของครอบครัวในภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในหัวข้อ Asian Business Families Succession – Going the Distance with the Next Generation (การสืบทอด ธุรกิจครอบครัวเอเชีย –สืบต่อความสำเร็จในรุ่นต่อไป)
โดยการศึกษาเชิงเปรียบ เทียบครั้งนี้ดำเนินการระหว่าง เดือน สิงหาคมถึง ตุลาคม 2556 ครอบคลุมประเทศสำคัญๆทั่วเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นต้น
“เมื่อเปรียบเทียบกับกิจการครอบครัวในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป กิจการครอบครัวในเอเชีย จัดว่ายังอยู่ในยุคเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลหรือองค์ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวในเอเชียก็มีอยู่จำกัด ดังนั้น ผลการสำรวจครั้งนี้จึงมีคุณค่าและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวในเอเชีย และยังเผยให้เห็น แง่มุมสำคัญที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนรวมทั้งก่อให้เกิดการเรียนรู้ รวมถึง วิธีการในการพัฒนา ซึ่งจะช่วยให้ การสืบช่วงต่อธุรกิจประสบความสำเร็จต่อเนื่องยิ่งๆขึ้นไป” ผู้ช่วยศาสตราจารย์แอนนี โกะ รองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและสื่อสารภายนอกองค์กรของ มหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์ และผู้อำนวยการ ฝ่ายวิชาการของสถาบันธุรกิจครอบครัว แห่งมหาวิทยาลัยการจัดการของสิงคโปร์ กล่าว
ผลการสำรวจพบว่า 89% ของธุรกิจครอบครัวที่เป็นกลุ่มตัวอย่างลงความเห็นว่า การสืบทอดกิจการภายในครอบครัวมีความสำคัญ นอกจากนี้ 81% มั่นใจว่าคนรุ่นต่อไปมีความรู้ความสามารถที่จะสามารถสืบทอดกิจการต่อไปได้ และยังมีความเห็นตรงกันว่าอายุที่เหมาะสำหรับการเข้ามามีบทบาทในการบริหารธุรกิจครอบครัว คือในวัย 30 ถึง 40 ปี
เมื่อถามถึงเรื่องที่มีความสำคัญต่อกิจการในระยะสั้น (3-5ปี) กลุ่มตัวอย่างระบุว่า การขยายตลาดใหม่ (80%), เพิ่มไลน์สินค้าใหม่ (70%), เน้นเรื่องการวิจัยและพัฒนา (61%), ขณะเดียวกัน กว่าครึ่งหนึ่ง (51%) ยอมรับว่ามีแผนควบรวมกิจการในระยะยาว (5-10 ปี)
ยิ่งไปกว่านั้นผลการวิจัยยังชี้ชัดว่าบรรดาเจ้าของกิจการในครอบครัวยอมรับว่า ที่ปรึกษาซึ่งเป็น บุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้นั้น มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้การสืบทอดกิจการราบรื่นและประสบ ความสำเร็จ ตัวอย่างบทบาทของที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ คือกรณีที่สมาชิกในครอบครัวขาดความรู้ ความชำนาญในบางเรื่องที่ปรึกษาก็สามารถเติมเต็มให้ได้ บางครั้งช่วยลดหรือขจัดความขัดแย้ง ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ตลอดจนช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในระบบบริหารกิจการ
กลุ่มสำรวจส่วนใหญ่เห็นว่าการมีบุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้มาดูแลการทำงานของสมาชิกครอบครัวรุ่นถัดไปที่มีตำแหน่งที่มีความสำคัญกับธุรกิจของครอบครัวนั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยการให้ความ เห็นหรือตัดสินใจแบบตรงไปตรงมาโดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง การช่วยเหลือให้การสืบทอด กิจการเป็นไปอย่างราบรื่น และลด ความขัดแย้ง กล่าวโดยสรุปคือ 77% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่า เปิดกว้าง และยอมรับให้ บุคคลภายนอกเข้ามามีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดกิจการ โดยสมาชิกครอบครัวรุ่น ถัดไป และบุคคลภายนอกที่ไว้ใจได้ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนการสืบทอดกิจการ ที่ชัดเจน เพื่อทำให้ กระบวนการถ่ายทอดกิจการประสบความสำเร็จได้สะดวกและราบรื่นยิ่งขึ้น
“ข้อมูลตรงนี้ย้ำชัดว่าเราตอบสนองความต้องการของธุรกิจในครอบครัวในแง่การปรับปรุงคุณ ภาพการดำเนินงาน ตลอดจนเสริมให้ธุรกิจของครอบครัวให้ยืนยาวและแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต” ผู้ช่วย ศาสตราจารย์แอนนี โกะ กล่าว
“หลายปีที่ผ่านมา ดีลอยท์มีโอกาสร่วมงานกับกิจการในครอบครัวจำนวนมาก ซึ่งผล ประกอบการ มีคุณูปการต่อการขยายตัวและความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ในส่วนของดีลอยท์เรา ไม่เพียงให้บริการด้านภาษีและการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น แต่เรายังเข้าใจถึงอุปสรรคและเป้าหมาย ของธุรกิจ ครอบครัว กล่าวโดยสรุปคือ ดีลอยท์ดำเนินบทบาทของบุคคลภายนอก ที่กิจการภายในครอบครัว สามารถไว้วางใจได้นั่นเอง” แทม ชี ชอง ก รรมการผู้จัดการของ บริการที่ปรึกษาทางการเงิน ดีลอยท์ เซาท์อีสต์เอเชีย กล่าว