ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งเทรนด์ที่เป็นกระแสมานาน และยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือ เทรนด์รักษ์โลก สังเกตได้จากสินค้ายุคใหม่หลายแบรนด์ด้วยกันที่มักนำวัตถุดิบจากธรรมชาติเข้ามาใช้ประดิษฐ์เป็นชิ้นงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ตัววัสดุที่เลือกใช้ วิธีการผลิต หรือแม้แต่สีสันต่างๆ ซึ่งสามารถหามาใช้ได้มากมายจากพืชหลายชนิด และแม้ต่อให้มาจากต้นเดียวกัน แต่ละส่วนก็ยังให้สีสันที่แตกต่างกันไปอีก ตั้งแต่เปลือก แก่น ราก ใบ ดอก และผล จึงนับว่าเป็นอีกวิธีการที่น่าสนใจในการนำมาใช้สร้างผลิตภัณฑ์ สีไหนเป็นสีไหนกันบ้างนั้นลองไปดูกัน
• สีแดง แก่นฝาง ครั่ง
• สีคราม ต้นคราม ต้นห้อม
• สีเหลือง แก่นแข (แกแล) แก่นขนุน ขมิ้น ดอกดาวเรือง
• สีเหลือง แก่นแข (แกแล) แก่นขนุน ขมิ้น ดอกดาวเรือง
• สีเขียว ใบมะม่วง ใบหูกวาง เปลือกเพกา
• สีดำ ผลมะเกลือ ผลและเปลือกสมอ
• สีน้ำตาล เปลือกมะพร้าว เปลือกประดู่ เมล็ดกาแฟคั่ว
• สีน้ำตาล เปลือกมะพร้าว เปลือกประดู่ เมล็ดกาแฟคั่ว
• สีส้ม เปลือกและรากยอ เมล็ดคำแสด เปลือกหอมใหญ่
• สีม่วงอ่อน ลูกหว้า ถั่วดำ
3 สิ่งควรรู้ หากคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากสีธรรมชาติ
นอกจากปลอดภัยทั้งต่อผู้ผลิต ผู้ซื้อ และสิ่งแวดล้อมแล้ว การนำสีธรรมชาติมาใช้สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังมีประโยชน์อีกหลายข้อทีเดียว หากสนใจอยากลองนำสีธรรมชาติมาผลิตเป็นสินค้าขายจะต้องวางแผน บริหารจัดการอย่างไร รุ่งอรุณ ยารังฝั้น เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้จากวัสดุธรรมชาติจากจังหวัดเชียงใหม่ แบรนด์ ‘Run Ga Run’ จะมาเผยเคล็ดลับให้ฟัง
1.เลือกใช้พืชท้องถิ่น – ในการเลือกใช้สีจากวัตถุดิบธรรมชาติ มีพืชหลายชนิดที่ให้สีออกมาคล้ายคลึงกัน จึงควรนำมาทดลอง เพื่อหาเฉดสีที่ต้องการ นอกจากนี้ควรมองถึงความคงทนของสีเมื่อนำไปสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ด้วย เพื่อคัดเลือกสีที่ดีที่สุดมาใช้ และเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน ค่าขนส่งที่ถูกกว่า รวมถึงการบริหารจัดการดูแลรักษาที่ง่ายกว่า เราควรเลือกใช้สีที่ได้จากพืชท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น สีน้ำเงิน กรมท่า พืชที่ให้สีนี้ทางอีสาน ได้แก่ คราม ส่วนภาคเหนือ คือ ต้นห้อม
2.ใช้ใจทำ ใช้ใจซื้อ – เนื่องจากเป็นสีที่ได้มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ซึ่งแม้จะเป็นพืชชนิดเดียวกัน แต่ต่างฤดูกาล ต่างสภาพอากาศ ก็ให้สีออกมาไม่เหมือนกันอีก บางชนิดต้องใช้สดเก็บมาแล้วย้อมเลยอย่างเดียวก็มี สิ่งที่ต้องทำ คือ ทำให้ลูกค้าเข้าใจตั้งแต่แรก ซึ่งโดยมากสีธรรมชาติจะเพี้ยนไปประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นสีเคมีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ใจทั้งคนทำและคนซื้อ
3.ปลูกไว้ใช้เอง การบริหารจัดการสต็อกที่ยั่งยืน – ด้วยความที่เป็นวัตถุดิบธรรมชาติการบริหารจัดการสต็อกอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนกับวัตถุดิบอื่นๆ ดังนั้นหากมีพื้นที่จึงควรปลูกไว้ใช้เอง นอกจากจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงมีวัตถุดิบให้ใช้ไปตลอดแล้ว ยังเป็นการทำธุรกิจที่ยั่งยืนจากการพึ่งพาตนเอง โดยตัดปัจจัยภายนอกออกไปให้มากที่สุดด้วย สามารถปลูกเองได้ ทำสีเองได้ บางอย่างที่สามารถทำแห้งเก็บเป็นสต็อกได้ก็ทำ เมื่อต้นทุนถูก เราก็สามารถทำราคาได้ดีกว่าเป็นการกระจายตลาดออกไปได้กว้างขึ้น หากใช้สีเคมีหากสีขึ้นราคาสินค้าเราก็ต้องขึ้นราคาตามไปด้วย หรือหากวันหนึ่งเขาเลิกผลิตมา เราก็ไม่สามารถทำต่อไปได้ ข้อสำคัญอีกอย่างคือ เมื่อทำเอง เราสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า ทำให้ได้ชิ้นงานที่ดี มีคุณภาพสม่ำเสมอ
Run Ga Run : 081-422-2139
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี