นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรเปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.กรมศุลกากรฉบับใหม่จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งจะทำให้การเก็บภาษีของกรมศุลกากรมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยกรมศุลกากรอยู่ระหว่างดำเนินการออกกฎหมายลูกระเบียบต่างๆ เป็นอิเล็กทรอนิกส์รองรับนโยบายรัฐบาลไทยแลนด์ 4.0
กฎหมายใหม่ทำให้กรมศุลกากรต้องปรับกระบวนการทำงานและควบคุมกำกับดูแล เช่น ตัวแทนผู้นำเข้าส่งออกหรือชิปปิ้งจากเดิมที่ไม่อยู่ในกฎหมายของกรมศุลกากร แต่กฎหมายฉบับใหม่ได้ดึงชิปปิ้งมาอยู่ในการกำกับดูแล โดยกรมศุลกากรมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตกับชิปปิ้งที่ดำเนินการไม่ถูกต้องหรือจงใจสำแดงเท็จเพื่อเลี่ยงภาษี โดยสมาคมชิปปิ้งจะประสานให้ชิปปิ้งต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรมศุลกากร
ไม่เพียงเท่านี้ กฎหมายใหม่ยังระบุเรื่องสินค้าผ่านแดนที่แต่เดิมไม่มีกำหนดต้องขนสินค้าออก แต่กฎหมายใหม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องนำออกจากประเทศภายใน 1 เดือน ถ้าเกินเวลาไม่นำออกต้องขายและเสียภาษีในประเทศหากไม่ดำเนินการกรมศุลกากรก็จะยึดสินค้าเพื่อขายทอดตลาดทันที
ส่วนเรื่องรางวัลสินบนนำจับก็ได้มีการปรับลดลงมากตามข้อเรียกร้องของเอกชน จากเดิมที่กำหนดไว้ 55% ของราคาสินค้าที่จับกุม และไม่จำกัดเพดาน เป็นเหลือ 20% ของราคาของกลางที่ขายได้ และกำหนดเพดานไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยห้ามแยกใบขนเพื่อดำเนินคดีเพื่อที่หวังจะได้รางวัลสินบนนำจับเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขการตรวจสอบเอกสารผู้นำเข้าส่งออก จากเดิมไม่กำหนดเวลาการตรวจสอบ เป็นต้องตรวจสอบภายใน 3 ปี และอธิบดีกรมศุลกากรขยายเวลาได้อีก 2 ปี หากมีความจำเป็น เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น
สำหรับกฎหมายกรมศุลกากรเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกการค้าของประเทศให้มีมากขึ้น ในเรื่องของการพิจารณาอุทธรณ์ภาษีจากเดิมที่ใช้เวลานาน บางกรณีกินเวลากว่า 10 ปี สร้างต้นทุนการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการในกฎหมายใหม่จึงให้มีการตั้งคณะกรรมการอุทธรณ์ได้หลายคณะ และต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 180 วัน หากไม่เสร็จผู้ประกอบการสามารถนำเรื่องไปต่อสู้ในชั้นศาลได้เลย และโทษการปรับในชั้นศาล จากเดิมหากผู้ประกอบการแพ้ต้องถูกปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมกับภาษี เป็น 0-4 เท่า ตามดุลพินิจของศาล ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในการต่อสู้คดีมากขึ้น
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี