เมื่อวิวัฒนาการทางการแพทย์รุดหน้าอย่างรวดเร็ว เส้นกราฟอัตราการตายของประชากรจึงลดลงฮวบฮาบ แน่นอนกลุ่มผู้สูงอายุจึงมีเพิ่มสูงขึ้นอย่างทวีคูณ และจะมีแนวโน้มเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลก เห็นได้จากมีสินค้าหลากหลายประเภทที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
เมื่อสินค้าบริการเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับ ธุรกิจที่กำลังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในไทยขณะนี้ นั่นคือ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมสำหรับผู้สูงอายุ ธุรกิจให้บริการรับ-ส่งเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ การเปิดศูนย์ธรรมชาติบำบัดสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการใช้บริการการแพทย์ทางเลือก หรือแม้แต่การรุกตลาดผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ เช่น ฟันปลอมและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฟันปลอม รถเข็นไฟฟ้าสำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุ รวมทั้งตลาดยารักษาโรค อาหารเสริมและวิตามินบำรุงร่างกายต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ในในไทยยังมีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรผู้สูงอายุ และยังไม่มีการทำการตลาดอย่างจริงจังมากนัก จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งลู่ทางธุรกิจที่น่าสนใจหรับผู้ประกอบการ SMEs ไทย
แน่นอนว่านอกจากโอกาสในธุรกิจผู้สูงอายุแล้ว ธุรกิจที่ยังคงมีช่องทางสดใสยังคงเป็นกลุ่มของผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ เพราะนับวันกลุ่มรักสุขภาพจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่ามีความปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ สินค้าเพื่อสุขภาพอาจไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่สูงแต่จะเน้นที่คุณค่าและอนามัยของสินค้า ดังนั้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่จะเข้ามาคว้าโอกาสจากแนวโน้มความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์และสินค้าออร์แกนิกส์ของโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงได้มาตรฐานสากล มีความปลอดภัยในการบริโภคสูง และไม่มีสารพิษตกค้าง
ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ “แนวคิดการปลูกชาแบบออร์แกนิกส์” หรือ อินทรีย์ 100% ของผู้ประกอบการไร่ชารายหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ “Organic Thailand” ตั้งแต่ปี 2003 และกำลังจะได้รับมาตรฐานออร์แกนิกส์ของสหรัฐฯ (USDA) โดยพบว่า การทำไร่ชาดังกล่าวมีการทำโรงปุ๋ยหมักเองโดยใช้มูลสัตว์ และมีการใช้สมุนไพรต่างๆ เช่น สะเดาเพื่อไล่แมลง ซึ่งแม้ว่าในระยะแรกต้นทุนการทำไร่ชาแบบออร์แกนิกส์นี้จะสูงกว่าการทำไร่ชาทั่วไป แต่ในระยะยาวแล้วพบว่าสินค้าออร์แกนิกส์มีโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีกว่ามาก จากราคาขายที่สูงกว่าในฐานะสินค้าพรีเมี่ยม รวมทั้งโอกาสในการรองรับฐานผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภท “ผักอัดเม็ด” ของ SMEs ไทยรายหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่กลุ่มคนรักษ์สุขภาพ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตผักสดในประเทศ ซึ่งพบว่าปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างงาม และในอนาคตอันใกล้นี้ บริษัทมีแผนที่จะส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศโดยจะเริ่มจากประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แล้วจึงขยายต่อไปยังผู้บริโภคในตลาดแถบตะวันออกกลางซึ่งแสดงความสนใจผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ค่อนข้างมาก
เหตุผลเพราะในบางประเทศหาซื้อผักสดมารับประทานได้ยากมาก รวมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ fish oil เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถบริโภคได้ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเรียน วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยพบว่า SMEs ไทยรายหนึ่งที่หันมาบุกธุรกิจอาหารเสริมประเภทนี้มีรายได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งยังตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 100% ภายในอีก 5 ปีข้างหน้าอีกด้วย