จีนประเทศใหญ่ที่นักธุรกิจต่างแสวงหาโอกาสเข้ามาลงทุน โดยนอกจากมีผู้บริโภคจำนวนมหาศาลแล้วยังมีขนาดเศรษฐกิจหรือที่เราเรียกว่าจีดีพีถึง 10.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของจีนยังสามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตได้ ยิ่งไปกว่านั้นจากรายงานสถิติการพัฒนาอินเตอร์เน็ตของจีน พบว่ามีผู้ใช้อินเตอร์เนตผ่านมือถือกว่า 90% และชาวชนบทสามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตได้เพิ่มขึ้นราว 16.9% ทำให้โลกการค้าไร้พรมแดนสามารถเจาะเข้าไปยังหัวเมืองรองรวมทั้งชาวชนบทของจีนได้ ส่งผลให้จีนมีมูลค่าการค้าปลีกในโลกออนไลน์สูงถึง 440.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การค้าออนไลน์ได้กลายเป็นกระแสฮิตที่สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนยุคใหม่ และได้สร้างโอกาสให้นักธุรกิจชาวจีนที่ชื่อ “แจ็ค หม่า” ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทอาลีบาบา วัย 52 ปี มีชื่อติดอันดับมหาเศรษฐีระดับโลก ในลำดับที่ 33 ด้วยทรัพย์สินสุทธิมูลค่าราว 28.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการตื่นตัวทางการค้าออนไลน์อย่างมาก ในส่วนภาครัฐของไทยเองก็ตื่นตัวไม่น้อย โดยในการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 หรือ 2nd Asia Cooperation Dialogue (2nd ACD Summit) รัฐบาลไทยได้เชิญ แจ็ค หม่า มาร่วมประชุมและแสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้าผู้นำ 35 ประเทศ และได้บรรยายพิเศษให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยฟังในเรื่อง “ผู้ประกอบการและโลกาภิวัตน์อย่างครอบคลุม”
ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้จ่ายของชาวจีนในช่องทางออนไลน์อันดับที่ 1 อยู่ในกลุ่มสินค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า รองลงมาคือสินค้ากลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์กีฬา รวมไปถึงเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและน้ำหอมก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความตื่นตัวในหมู่ผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ Platform นี้ประกอบธุรกิจ ด้วยจุดแข็งของจีน คือ การมีผู้บริโภคมหาศาล หรือเรียกได้ว่า 1 ใน 4 คนของประชากรโลกนั้นเป็นคนจีนที่มีอยู่ถึง 1,371.2 ล้านคน อีกทั้งระบบการขนส่งสินค้าให้ถึงมือผู้ซื้อยังรวดเร็วทันใจ จากการส่งเสริม/สนับสนุนระบบ E-Commerce ของภาครัฐจีน โดยล่าสุดจีนได้แต่งตั้งให้ศูนย์โลจิสติกส์นานาชาติ ณ เมืองซีอาน (International Trade and Logistics Park: ITL) เป็นท่าสินค้าทางบกครบวงจรแห่งแรกของประเทศจีนและเป็นศูนย์ทดลองการค้าข้ามแดนผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทำให้ระบบการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
หากพูดถึงเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ของจีน หลายคนคงนึกถึง alibaba.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมี tmall.com เว็บไซต์ในเครืออาลีบาบาที่ให้บริการแบบ B2C โดยเน้นลูกค้ากลุ่มชนชั้นกลาง สินค้ากลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับที่ขายในเว็บไซต์นี้มีให้เลือกหลากหลายราคา ขณะที่เว็บไซต์ alibaba.com เองก็มีอัญมณีและเครื่องประดับให้เลือกมากมายทั้งของแท้และของเทียมกว่า 1 ล้านรายการ โดยเว็บไซต์ได้ออกแบบมาให้
ผู้ซื้อสามารถเลือกประเภทของวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็น เพชร ทับทิม มรกต ฯลฯ ได้อย่างสะดวก ยิ่งไปกว่านั้นผู้ซื้อยังสามารถชำระเงินโดยการโอนเข้าบัญชีของ Alipay ระบบจ่ายเงินออนไลน์แบบ Paypal ที่เชื่อมต่อกับธนาคารในระบบออนไลน์เพื่อตอบสนองการใช้บัตรเครดิตที่ยังคงไม่แพร่หลายในจีน
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินก่อนได้รับสินค้าล้วนสร้างความกังวลใจในตัวสินค้า ทำให้สินค้าในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับแท้ยังไม่ได้รับความนิยมในการซื้อขายออนไลน์มากนัก ผู้ขายจะต้องสร้าง “ความเชื่อมั่น” ให้กับลูกค้าให้ได้ และที่สำคัญภาพถ่ายต้องนำเสนอสินค้าที่สะท้อนมุมต่างๆ อย่างเพียงพอ โดยแสดงให้เห็นการออกแบบที่โดดเด่น สะดุดตา ภาพตามสัดส่วนสินค้าจริง รวมทั้งแจ้งรายการวัตถุดิบอย่างครบถ้วน ไม่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง และที่สำคัญการรับประกันความพึงพอใจเป็นสิ่งที่สำคัญ หากเกิดความไม่พอใจในตัวสินค้า ควรสามารถส่งคืนได้ในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อชดเชยกับความลังเลว่าจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือไม่ เช่นเดียวกันกับ tmall ที่เก็บเงินค้ำประกัน และจัดตั้งกองทุนเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคกว่า 1,000 ล้านหยวน เพื่อสร้างระบบความไว้วางใจแก่ลูกค้าโดยสามารถคืนเงินได้ภายใน 7 วัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี