TEXT : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
ตกเป็นเป้าโจมตีทางโซเชียลมีเดียอีกครั้งสำหรับสตาร์บัคส์ เชนร้านกาแฟระดับโลกจากอเมริกา แต่ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับแก้วกาแฟสีแดงแบบที่เคยถูกประท้วงมาก่อนหน้า ทั้งนี้ หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีหมาด ๆ ของสหรัฐฯประกาศห้ามประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ พลันก็ก่อให้เกิดกระแสเดินขบวนประท้วงไปทั่วประเทศ ขณะที่บริษัทชั้นนำด้านไอที อาทิ ไมโครซอฟท์ กูเกิ้ล เน็ตฟลิกซ์ และบริษัทอูเบอร์ก็ออกมาคัดค้านเช่นกัน ขณะที่แอร์บีเอ็นบีประกาศให้ที่พักฟรีเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวมุสลิมที่ได้รับผลกระทบ
กล่าวสำหรับโฮเวิร์ด ชูลตซ์ ซีอีโอสตาร์บัคส์ตอบโต้คำสั่งของทรัมป์ด้วยการประกาศภายใน 5 ปีข้างหน้าสตาร์บัคส์จะจ้างงานผู้อพยพจากทั่วโลกราว 10,000 คน โดยเริ่มที่อเมริกาก่อน เท่านั้นเอง เหล่าผู้สนับสนุนก็ดาหน้าออกมาต่อว่าต่อขานสตาร์บัคส์ว่าแทนที่จะสร้างงานให้คนอเมริกันกลับหันไปช่วยเหลือผู้อพยพ จากนั้นก็ระดมกันติดแฮชแท็ก “boycottstarbucks” เพื่อเป็นการต่อต้าน จนขณะนี้ แฮชแท็กซ์ต้านสตาร์บัคส์ว่อนไปทั่วโซเชียลมีเดีย
ด้านผู้สนับสนุนสตาร์บัคส์ ก็พากันติดแฮชแท็ก “supportstarbucks” และวอนให้นึกถึงความดีที่ผ่านมาของแบรนด์ร้านกาแฟดังด้วย อย่างปี 2013 สตาร์บัคส์ก็เคยทำโครงการจ้างครอบครัวทหารผ่านศึกอเมริกันเข้ามาทำงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง ตอนนี้ได้จ้างไปแล้วรวมทั้งสิ้น 5,500 คน และโปรเจ็คนี้ยังดำเนินต่อไปจนถึงปี 2018
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีกระแสต่อต้านสตาร์บัคส์ ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2015 บรรดาชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนาก็แสดงความไม่พอใจ เหตุจากแก้วกาแฟสีแดงที่สตาร์บัคส์ดีไซน์ออกมาเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสไม่เป็นที่ถูกใจ โดยแก้วดังกล่าวเป็นสีแดงล้วนมีเพียงตราสัญลักษณ์สีเขียวของสตาร์บัคส์ ปราศจากลวดลายที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาส ทำให้สตาร์บัคส์ถูกมองว่าเกลียดพระเยซูและต่อต้านศาสนา
ดูเหมือนว่านโยบายทางการเมืองของผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯจะทำให้ผู้คนในประเทศแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เชื่อว่าจะมีอีกหลายธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบครั้งนี้ไม่มากก็น้อย