โดย : ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช
ผู้เชี่ยวชาญการตลาดดิจิตอล
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่า การใช้การตลาดออนไลน์ของธุรกิจมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด และส่วนตัวผมยิ่งเชื่อเหลือเกินว่า การเติบโตจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก เนื่องจากเป็นการทำการตลาดที่ค่อนข้างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ใส่ลงไป (กรณีที่ผู้ประกอบการมีความเข้าใจในการใช้สื่อดิจิตอลจะพบว่า คุ้มค่า) แต่ด้วยความที่โลกดิจิตอลหมุนไวมาก ฮาร์ดแวร์ใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่ คู่แข่งใหม่ที่มาพร้อมกับโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะฉะนั้นใครเห็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นก่อน ปรับตัวได้ก่อน ย่อมมีโอกาสที่จะอยู่รอดปลอดภัย และไปได้ไกลกว่าเพื่อน สำหรับแนวโน้มที่เหล่ากูรูการตลาดดิจิตอลออกมาฟันธงกันนั้น สามารถสรุปได้ดังนี้ครับ
• ผู้ใช้โมไบล์สำคัญกว่าเดสก์ท็อป
ฉะนั้น เว็บไซต์ธุรกิจที่ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลไปจนถึงปิดการขายบนมือถือได้ อาจจะแพ้คู่แข่งรายใหม่ที่เกิดขึ้นมา เพื่อใช้สมรภูมินี้ในการต่อกรกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ซึ่งคุณสมบัติเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซวันนี้ต้องดูได้ทุกอุปกรณ์ หรือที่เรียกว่า Responsive สามารถแสดงผลได้ไว (Google ให้ไม่เกิน 2 วินาที ต้องมีหน้าเว็บให้เห็นบ้างแล้ว) อ่านได้ทันที มีปุ่มให้คลิกไม่ต้องใช้นิ้วถ่างขยายหน้าเว็บ ทั้งหมดนี้ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่ Google ใช้ชี้ชะตาธุรกิจของคุณ สำหรับการทำ Mobile SEO เพราะเว็บไซต์ของคุณอาจจะไม่โผล่ในหน้าผลลัพธ์ได้ หากหน้าเว็บไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้หรือกรณีที่คุณใช้โฆษณา AdWords ในขณะที่เว็บไซต์ของคุณยังไม่ Responsive โอกาสได้ยอดขายแทบจะเป็นศูนย์ จนอาจกล่าวได้ว่า มีแต่โอกาสเสียเงินเปล่าจากค่าคลิกโฆษณาเท่านั้น Google ให้ความสำคัญกับตลาดโฆษณาบนอุปกรณ์โมไบล์จนถึงกับออกปากว่า เว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์โมไบล์อย่างเดียว โดยไม่แคร์การแสดงผลบนเดสก์ท็อป มีคุณค่ากว่าเว็บไซต์ที่ดูบนเดสก์ท็อป แต่ดูแย่บนโมไบล์
• โฆษณาวิดีโอแพร่หลายมากขึ้น
แม้ภาพถ่ายจะสร้างโอกาสขายสินค้าได้ดีกว่า แต่ปัจจุบันผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหันมาดูคลิปวิดีโอกันมากขึ้น แม้จะทราบดีว่า นั่นคือโฆษณา หรือส่วนหนึ่งของโฆษณาก็ตาม ในขณะที่ Google ได้เพิ่มความสำคัญด้วยการให้แสดงผลลัพธ์การค้นหาที่เป็นวิดีโอมากขึ้น ยิ่งช่วงที่ผ่านมา Facebook บุกหนักเรื่องคลิป ยิ่งทำให้เห็นว่า แนวโน้มของการใช้วิดีโอทำการตลาดในปี 2559 จะมีความโดดเด่นมากทีเดียว อีกทั้งความเร็วของอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะโมไบล์ที่เริ่มเข้าสู่ยุค 4G การทำวิดีโอประชาสัมพันธ์สินค้า หรือบริการ จึงถือเป็นการบ้านอีกข้อหนึ่งที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม ข้อเท็จจริงคือ คลิปวิดีโอที่ได้รับความสนใจไม่จำเป็นต้องเป็นคลิปที่ใช้งบประมาณที่สูง แต่ต้องเข้าถึงความรู้สึกของผู้บริโภคได้ ความหมายก็คือ ไม่ว่าวิดีโอโฆษณาของคุณจะเน้นการขายมากน้อยเพียงใดก็ตาม ขอให้มีเรื่องเล่าที่มาพร้อมกับไอดียสร้างสรรค์ และมีความบันเทิงก็พอ ยิ่งถ้าหากคุณสามารถทำให้ผู้บริโภคร่วมสนุกด้วยการสร้างคลิปส่งมาให้ได้ยิ่งดีใหญ่ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยเห็นเด็กนักเรียนทำคลิปประกวดเต้นเพลงประกอบโฆษณานมถั่วเหลืองที่ร้องกันได้ทั้งบ้านทั้งเมือง หรือล่าสุดเครื่องดื่มน้ำดำให้ส่งคลิปแสดงความมั่นใจลุ้นรับรางวัล เป็นต้น
• การทำตลาดด้วยเซิร์ช (SEM) หรือโซเชียลมีเดีย (SMM) ต้องรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าเดิม
เมื่อแนวโน้มการแข่งขันมาถึงจุดที่ธุรกิจต่างๆ ไม่อาจละเลยการทำตลาดดิจิตอลได้อีกต่อไป หลายๆ ธุรกิจจึงเตรียมใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการทำการตลาดกันอย่างเต็มที่ และด้วยจำนวนธุรกิจที่เข้ามาใช้กันมากขึ้น การทำตลาดด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ยิ่งต้องมีความเข้าใจ เพื่อทำให้โฆษณามีความแม่นยำ และประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะหากไม่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โอกาสที่ธุรกิจจะสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจอาจต้องมีนักการตลาดเข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ หรือไม่ก็ต้องให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแล เพื่อผู้ประกอบการจะได้ใช้เวลาโฟกัสไปที่การดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากงานด้านนี้ต้องใช้เวลามากกว่าที่หลายคนคิด แถมยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมออีกด้วย โดยเป้าหมายสำคัญในการที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับ (SEO) สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ได้ Like เกิด Share ไปจนถึงซื้อโฆษณา AdWords (PPC) หรือ Facebook Ads นั่นก็คือ การสร้างแบรนด์ และยอดขาย ตลอดจนการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อให้อยู่กับเรานานๆ และซื้อสินค้า หรือบริการซ้ำๆ กับเราต่อไป ถ้าไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ หรือพอรู้แค่งูๆ ปลาๆ บอกได้เลยครับว่า เสียเงินไปเปล่าๆ อย่างแน่นอน
เตรียมพร้อมก่อน ได้เปรียบกว่า
นอกจากธุรกิจจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการทำการตลาดดิจิตอลในปีหน้า โดยพิจารณาจากทิศทางแนวโน้มข้างต้นนี้แล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมใจด้วยก็คือ เมื่อการแข่งขันสูงขึ้น มีการใช้โฆษณาออนไลน์มากขึ้น แน่นอนว่า ค่าโฆษณาออนไลน์จะสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ธุรกิจหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้ก็ไม่ได้ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมด้วยการหาความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับการทำตลาด และโฆษณาออนไลน์ไว้บ้าง ถึงแม้จะใช้บริการจากธุรกิจอื่นก็ตาม จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการค้าขาย และรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับเราต่อไปได้นานขึ้น
สุดท้าย นอกจากการเตรียมความพร้อมของเว็บไซต์ที่ต้องดูบนโมไบล์ได้ เริ่มใช้โฆษณาวิดีโอกันบ้าง แบ่งเวลาเรียนรู้การทำโฆษณาออนไลน์ และเตรียมใจกับค่าโฆษณาที่สูงขึ้นแล้ว การทำการตลาดออนไลน์ในปี 2559 ธุรกิจต้องไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาคอนเทนต์ต่างๆ ด้วย เพราะผู้บริโภคยุคปัจจุบันจะรักพอชอบแบรนด์ที่มักจะนำเอาเรื่องราวสาระ และความบันเทิงมาให้กับพวกเขา และจะหลงลืมแบรนด์ที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด หรือโพสต์อะไร หรือไม่ เอะอะก็ขายของอย่างเดียว ฟังโดยรวมเหมือนจะมีการบ้านที่เจ้าของธุรกิจที่เป็นนักการตลาดต้องทำอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในขณะที่ความจริงมีแนวโน้มของการทำการตลาดดิจิตอลมากกว่านี้ แต่อาจจะยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะกระทบกับธุรกิจ SME ในปีหน้า อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่า คุณผู้อ่านจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี