เรื่อง กองบรรณาธิการ
ในขณะที่เรากำลังมุ่งหน้าที่จะทำตลาดเออีซี เอสเอ็มอีควรจะแวะมองตลาดที่ไม่ใกล้ไปไกลอย่างตลาดของกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามกันหน่อย เพราะตลาดนี้ส่วนใหญ่มักจะถูกมองข้าม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วหากเราสามารถเจาะกลุ่มตลาดนี้ได้ ก็เท่ากับเราจะสามารถเข้าไปขายสินค้าในตลาดที่ในปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ทั่วโลกกว่า 1.6 พันล้านคน ซึ่งหากไม่นับรวมตลาดใหญ่ภายนอกแล้ว ในเมืองไทยเองก็มีประชากรมุสลิมในเมืองไทยก็มีอยู่ประมาณ 3,260,000 คน เข้าไปแล้ว
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เอสเอ็มอีสามารถเข้าไปทำตลาดได้นั้นธุรกิจกลุ่มแรกเลยที่ไม่น่ามองข้ามคือธุรกิจอาหาร ซึ่งในเรื่องนี้แม้ว่าจะต้องทำตามกำหนดตามหลักศาสนาที่ได้รับการอนุญาตอย่างฮาลาล และสิ่งหรือการกระทำต้องห้ามตามบทบัญญัติอย่างฮาลอม ซึ่งถ้าสามารถทำใน 2 เรื่องนี้ได้ก็ไม่น่าจะยากแล้ว เพราะในสินค้าประเภทอาหารนั้น ที่ผ่านมายังพบว่ากำลังการผลิตไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
จริงอยู่ที่ว่าการทำสินค้าประเภทอาหารนั้นยังต้องดูว่าประเทศที่เราจะเข้าไปนั้นมีมาตรฐานของการขอตราสินค้าฮาลาลเป็นแบบไหน เพราะแต่ละประเทศแม้จะเป็นมุสลิมเหมือนกันก็อาจจะมีข้อกำหนดต่างกัน แต่เราต้องไม่ลืมว่าเราสามารถใช้ช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงผู้บริโภค รวมไปถึงแสวงหาพันธมิตรทางการค้าจากประเทศที่เราจะเข้าไปทำตลาดได้ เพราะไทยเรานั้นมีข้อได้เปรียบอยู่ที่เรามีวัตถุดิบการเกษตรและวัตถุดิบอาหารฮาลาลที่ค่อนข้างเหนือกว่าประเทศอื่น
เช่นเดียวกับธุรกิจท่องเที่ยวที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่น่าจะเข้าไปทำ เพราะในขณะนี้การท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นนักท่องเที่ยวจีน นักท่องเที่ยวแถบยุโรป แล้วถ้าเรามาทำการท่องเที่ยวแบบฮาลาลบ้างล่ะ จะน่าสนในแค่ไหน เพราะในตลาดท่องเที่ยวยังพบว่ายังมีผู้สนใจลงทุนด้านการท่องเที่ยวแบบฮาลาลมากขึ้น ทั้งที่ไทยมีความพร้อมทั้งด้านการท่องเที่ยวและการบริหาร ประกอบกับการจัดอันดับการท่องเที่ยวนั้นเมืองไทยติดอันดับ 8 ของประเทศที่ดึงดูดนักเที่ยวมุสลิม แล้วทีนี้จะรออะไรล่ะ จัดแพ็คเกจทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิมกันเลย
น่าสนใจไม่แพ้กันคือสินค้าประเภทเครื่องสำอาง และธุรกิจแฟชัน ที่ยังพบว่าไทยยังสามารถสร้างความสามารถทางการแข่งขันได้ เนื่องจากปัจจุบันแฟชันในกลุ่มลูกค้ามุสลิมนั้นกำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่คิดจะเข้าทำธุรกิจนี้จะต้องออกแบบเสื้อผ้าให้ตรงกับความต้องการและถูกหลักของศาสนาอิสลามด้วย เพราะถ้าเรามองโอกาสแล้วจะพบว่าทั้่งเครื่องสำอางและแฟชันยังมีคู่แข่งที่น้อย และที่มากไปกว่านั้นคือเรายังสามารถจับกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ใช่มุสลิม แต่มีรสนิยมและความชอบแนวนี้ได้อีกด้วย
และไม่ใช่เวทีนี้จะไม่มีพี่เลี้ยง เพราะล่าสุดภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจสินค้าและบริการฮาลาล พ.ศ.2559-2563 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมนั้น ต้องการจะขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล โดยจะมุ่งยกระดับสถานะของไทยให้เป็นผู้ส่งออกสินค้าและบริการฮาลาลให้ติด 1 ใน 5 ของโลกให้ได้ จากปัจจุบันที่ไทยยังอยู่ในลำดับที่ 13 ดังนั้นมีอะไรไม่เข้าใจ เข้าไปขอรับความรู้และคำปรึกษาได้เลย ใครที่ไม่เคยมองตลาดลูกค้ามุสลิม คิดใหม่ได้เลยนะ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี