เรื่อง นเรศ เหล่าพรรณราย
ผู้ที่ใช้ Facebook Fanpage ในการทำการตลาดออนไลน์ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นย่อมรู้สึกได้ว่าอัตราการเข้าถึง (Reach) ของผู้ที่กด Like เพื่อติดตามเพจมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากยุคแรกที่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด จนกระทั่งอัตราการเข้าถึงลดลงเรื่อยๆ
ล่าสุด เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Facebook ได้ประกาศนโยบายใหม่ เพิ่มอัตราการเข้าถึงไปที่โพสต์ของสมาชิกทั่วไปจะมีโอกาสมองเห็นบน News Feed มากกว่า Fanpage โดยมีความเป็นไปได้ว่าถ้าหากกด Like แล้วไม่กดให้ “เห็นโพสต์ก่อน” อาจจะมีอัตราการเห็นโพสต์ 0% (ง่ายๆคือไม่เห็นโพสต์เลย) หรือต่อให้จ่ายเงินเพื่อให้คนกด Like มีโอกาสมองเห็นมากขึ้น อัตราการ Reach ก็อาจจะอยู่เพียงแค่ 30-50% เท่านั้น แสดงว่าการใช้แฟนเพจเพื่อทำการตลาดออนไลน์จะยากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ Facebook ยังมีนโยบายกำจัดคอนเทนท์ที่ไม่เหมาะสมออกไปจาก News Feed รวมถึงเพจที่เน้นขายสินค้าเป็นหลักก็จะอยู่ได้ยากขึ้น นี่เป็นโจทย์สำคัญของนักการตลาดออนไลน์ที่หาทางแก้ไข
ทางเลือกที่อาจมองว่าง่ายที่สุดคือการเพิ่มงบประมาณในการ Boost Fanpage ซึ่งจะเป็นภาระให้กับผู้ประกอบการ หรือการเน้นโพสต์ในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียวสูงเป็นพิเศษเช่นช่วงหัวค่ำ ก็อาจไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะอย่าลืมว่าข่วงเวลาดังกล่าวก็มีผู้ที่เป็นสมาชิกทั่วไปโพสต์คอนเทนท์ลงไปในระดับสูงด้วยเช่นกัน
การปรับกลยุทธ์ข้อหนึ่งคือ การเพิ่ม Account ที่เป็นผู้ใช้ทั่วไปเข้ามาช่วยกระตุ้นยอด Reach แม้ว่าบัญชีผู้ใช้งานทั่วไปจะจำกัดผู้ที่จะมาเป็น Friend ได้เพียงแค่ 5,000 คน แต่ถ้าหากมีการเข้าไปกด Like หรือ Comment อย่างต่อเนื่อง โอกาสที่จะเห็นโพสต์ก็จะสูงขึ้นถึงขั้น 100% (ไม่นับรวมการกด Follow ตามได้อีกแม้จะไม่สามารถเห็นคอนเทนท์ได้ทั้งหมด) การที่ใช้บัญชีผู้ใช้งานทั่วไปมาช่วย Share คอนเทนท์บนแฟนเพจก็ถือว่ามีส่วนทำให้อัตราการเข้าถึงของเพจสูงขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนๆนั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงอยู่แล้ว
ด้านการปรับปรุงคอนเทนท์ การจะดึงความน่าสนใจให้เข้ามาชมเพจ จะต้องสร้างคอนเทนท์ให้เกิดการแชร์ต่อให้มากที่สุด ซึ่งคอนเทนท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้คือคลิปวีดีโอที่แซงหน้าภาพนิ่งขึ้นมาเป็นสื่อที่ถูกติดตามมากที่สุดบน Facebook ไปแล้ว ทั่วไปแล้วคลิปวีดีโอที่มีผู้สนใจจะมีความยาวไม่เกิน 10 นาที
ส่วนการทำ Facebook Live ก็สามารถเพิ่มจำนวนผู้ติดตามเพจได้เช่นกัน แต่ไม่ควรที่จะถ่ายทอดสดถี่ยิบเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความน่ารำคาญ นอกจากนี้ควรที่จะกำหนดเวลาในการถ่ายทอดสดให้มีความสม่ำเสมอและมีกำหนดเวลาแน่นอน เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้ามาติดตามได้ และควรที่จะมีการพีอาร์ออกไปล่วงหน้าก่อนเสมอ
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มจำนวนโพสต์คอนเทนท์ให้มีความถี่มากขึ้นไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอัตราการ Reach ที่ลดลงเพราะไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงคอนเทนท์แต่อย่างไร
การลดอัตราการเข้าถึง Fanpage ไม่ถึงกับทำให้เอสเอ็มอีที่มีทุนจำกัดทำการตลาดออนไลน์ได้ยากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่า “ของฟรี” อาจไม่มีให้ใช้อีกต่อไปในอนาคต ผู้ประกอบการควรมองหาเครื่องมืออื่นๆไว้รองรับด้วย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี