โลกเปลี่ยน พฤติกรรมเปลี่ยน เมื่อคนรุ่นใหม่อยากรวยลัด






เรื่อง : กองบรรณาธิการ 



    ปัจจุบันเวลาที่เราเดินเข้าไปตามร้านหนังสือต่างๆ เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า หนังสือขายดีส่วนใหญ่เป็นเรื่องอะไร แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น หนังสือประเภทเคล็ดลับที่ทำให้คุณรวย หรือจำพวกแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จทั้งหลายที่มีออกมาให้เลือกอ่านกันแบบไม่ขาดสาย 

    หรือหากคลิกเข้าไปในโลกออนไลน์ก็เช่นเดียวกันตามเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียต่างๆ ล้วนมีแนวโน้มคนเข้ามาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น และที่สำคัญกลุ่มคนที่สนใจเรื่องนี้กลับมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กำลังกลายเป็นดัชนีหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงกระแสของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะร่ำรวย หรือประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น
 




    “รวยลัด” กลายเป็นค่านิยมของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการทำวิจัยของบริษัท เอ็นไวโรเซล (ประเทศไทย) จำกัด มีการระบุอย่างชัดเจนว่า เด็กรุ่นใหม่มีค่านิยมที่จะไม่ยอมอดทนกับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ หรือรู้สึกว่าไม่ใช่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และต้องการรวยทางลัดแบบไม่ต้องทำงานหนัก 

    ฉะนั้นคนกลุ่มนี้จะมีความต้องการในการทำงานออฟฟิศน้อยลง ความอดทน ความเอาจริงเอาจังก็น้อยลงเช่นกัน ซึ่งต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนิสัยของผู้บริโภคทุกวันนี้ซึ่งมีความใจร้อน ขี้หงุดหงิด ไม่สามารถอดทนรออะไรได้นาน เนื่องจากพวกเขาเติบโตมาในยุคที่ทุกอย่างทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความต้องการรวยของคนกลุ่มนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะรวยขนาดร้อยล้านพันล้าน แต่ต้องแลกมากับการทำงานหนัก จนไม่มีเวลาทำอะไร เหมือนคนรุ่นก่อนๆ แต่เขาต้องการเพียงแค่รวยแบบที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องทำงานหลัก ไม่เครียด ได้ท่องเที่ยว มีบ้านอยู่ มีรถขับ ซึ่งคนเหล่านี้จะถูกเรียกว่า RICHFICIENCY ซึ่งมาจากคำว่า RICH บวก SUFFICIECNY หรือ การรวยแบบพอเพียง นั่นเอง 

 



    จากที่กล่าวมา จึงเป็นการตอบคำถามได้เป็นอย่างดีว่า ทำไมช่วงหลังๆ มานี้คนรุ่นใหม่ๆ จึงหันไปลงทุนในหุ้นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องไปกับความเห็นของ กฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์ลูกค้าบุคคล และบริหารผลิตภัณฑ์เงินฝาก การลงทุน ประกันภัย และธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่แม้จะไม่ได้มีตัวเลขยืนยันชัดเจนว่า ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่หันมาเปิดพอร์ตเล่นหุ้นเป็นจำนวนเท่าไรกันแน่ แต่จากประสบการณ์โดยตรงทำให้ได้เห็นว่า มีกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ๆ หันมาลงทุนในหุ้นเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และที่สำคัญเป็นลักษณะของการเล่นหุ้นเป็นอาชีพเลยทีเดียว    

    เด็กรุ่นใหม่มองว่า ตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่าย บางคนแค่ไปเรียนมา 2 เดือน ก็มานั่งเฝ้าน่าจอเทรดหุ้นกันจริงๆ จังๆ โดยไม่ทำงานแล้ว ผมบอกได้เลยว่า ไม่เวิร์ก การลงทุนในตลาดหุ้น ต้องเข้าใจว่าการลงทุน เราคือผู้ถือหุ้นเขา ไม่ใช่ซื้อวันนี้ พรุ่งนี้ขาย ต้องดูว่าคุณเข้าใจธุรกิจนี้หรือเปล่า ผลตอบแทนระยะยาวคุณคาดว่าจะเป็นอย่างไร และตอบโจทย์ตามเงื่อนไขของผลตอบแทนและระยะเวลาตามที่คุณต้องการซื้อหรือเปล่า 

    ผมคิดว่าวันนี้คนอยากที่จะรวยทางลัด แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า คนเล่นหุ้นแล้วรวยก็มี เพียงแต่ว่าต้องตั้งเป้าและวางแผนในการลงทุนให้เป็นกิจจะลักษณะ มากกว่าที่จะมานั่งเฝ้าว่าชั่วโมงนี้ซื้ออะไร ชั่วโมงนี้ขายอะไร

 





      ถึงตรงนี้ ต้องบอกเลยว่า แนวโน้มพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปนี้ ไม่ได้เป็นแค่ในเมืองไทยเท่านั้น เป็นค่านิยมที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาจต้องบอกว่าเป็นต้นแบบของค่านิยมที่ว่านี้เลย อย่างในสหรัฐอเมริกา ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ถูกเรียกว่า กลุ่ม Millenials นั้น ถือเป็นกลุ่มที่มีความต้องการที่จะรวยและมีทุกอย่างที่ต้องการ 

    ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่า วัยรุ่นปัจจุบันมีการยึดติดกับวัตถุมากขึ้น พวกเขามีความต้องการใช้ข้าวของที่มีราคาแพงแต่พวกเขาไม่ต้องการทำงานหนัก ซึ่งต่างจากคนกลุ่ม Baby Bloomer ซึ่งจากการศึกษาคนสองกลุ่มเปรียบเทียบกัน ผลที่ออกมาคือคนกลุ่ม Baby Bloomer ตอนที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมจะมีความตั้งใจเรียนและทำงานหนักมากกว่ากลุ่ม Millenials ในปัจจุบัน 

    ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัย San Diego อย่าง Jean Twenge ได้กล่าวถึงงานวิจัยดังกล่าวเกี่ยวกับคนกลุ่ม Millennials ว่า พวกเขาเหล่านี้จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรวยไวๆ ยกเว้นเสียแต่การทำงานหนัก พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาจะไม่ยอมให้ตนเองทำงานหนักมากเกินไปเพื่อเงิน แต่จะเป็นลักษณะของการใช้เงินทำงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นนั่นเอง 

    นอกจากนี้ จากการศึกษาในเรื่องของความแตกต่างของคนในแต่ละ Generation ยังพบว่ากลุ่ม Millennials มักจะมีความมั่นใจ ชอบแสดงออก ต้องการพื้นที่ในการแสดงความเป็นตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ พวกเขายังเห็นว่าความรวยเป็นความจำเป็นสำหรับชีวิตเป็นอย่างมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ตรงกันข้ามกับคนกลุ่มวัยกลางคนที่มีความต้องการที่จะรวยน้อยกว่า 


 




    อย่างไรก็ดี งานวิจัยยังบอกด้วยว่า คนกลุ่ม Millennials นี้ไม่ได้เป็นคนที่มีความเห็นแก่ตัวหรือวัตถุนิยมโดยเนื้อแท้ เพียงแต่พวกเขามักจะได้รับการปลูกฝังเรื่องการมองกลุ่มชนชั้นกลางที่เลือนลางไป พวกเขามักจะมองเห็นแค่สองฝั่งนั่นคือ รวยกับจน หากพวกเขาไม่ต้องการที่จะเป็นกลุ่มคนจนในสังคม พวกเขาจำเป็นต้องรวยเท่านั้น จึงทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการหาเงินอย่างรวดเร็ว 
    
    อีกทั้งปัจจุบันที่มักจะมีการเผยแพร่ข้อมูล หรือมีหนังสือของบุคคลที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็น ไอดอลของคนยุคใหม่อย่าง Mark Zuckerburg เจ้าพ่อ Facebook ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้กับคนวัยหนุ่มสาวที่อยากประสบความสำเร็จ ด้วยการออกจากงานประจำและหันมาทำธุรกิจกันมากขึ้น และด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของวัยรุ่นยุคนี้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจกบุคคล ส่วนใหญ่จึงต้องการใช้เงินเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิต การเข้าสังคม การจับจ่ายใช้สอยมากกว่าการเก็บหอมรอมริบ ซึ่งต่างจากคนในยุคก่อน

    จะเห็นได้ว่า จากการเปลี่ยนไปทางด้านพฤติกรรมและค่านิยมของคนยุคนี้ ได้กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างมากให้กับทั้งนักการตลาด ที่จะต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อมาสนองตอบกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ให้กับผู้ประกอบการที่จะต้องมานั่งวางแผนรับมือกับอนาคตที่อาจจะต้องขาดแคลนบุคลากรในการทำงานอย่างหนัก เพราะทุกวันนี้ก็เริ่มเห็นเด็กรุ่นใหม่ออกอาการส่ายหน้าไม่สนใจงานประจำกันแล้ว

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)




RECCOMMEND: MARKETING

ททท. จับมือ สายการบิน EVA Air ผลักดันไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก

เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวนานาชาติ ททท.และสายการบิน EVA Air จึงขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวต่อเนื่อง 4 ปี ในการกระตุ้นตลาดหลักทั้งระยะใกล้และระยะไกลผ่านเครือข่ายเส้นทางการบินของ EVA Air

รู้แล้วรุ่ง 10 กลยุทธ์ พิชิตตลาดภูธร ปี 2568

จากสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย ทำให้หลายแบรนด์มุ่งหน้าบุกตลาดต่างจังหวัด และนี่คือเคล็ดลับ 10 ข้อ ที่จะช่วยให้คุณรุกตลาดภูธรได้สำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน