TEXT : ภัทร เถื่อนศิริ
Main Idea
- ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความไม่แน่ไม่นอนสูงทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- ผมจึงได้รับคำถามจากผู้ประกอบการบ่อยมากในช่วงนี้ ว่าทำอย่างไรดี เมื่อไหร่จะเกิด Recession (ภาวะถดถอย) แล้วจะต้องวางแผนอย่างไร
- สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ SME ที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุคนี้ คือ “การอ่านเกมส์อ่านสถานการณ์ล่วงหน้า” ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วางแผน ปรับปรุงสรรพกำลังเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงก่อน เปรียบดั่งเดินนำคนอื่นไปแล้วหนึ่งก้าว
การอ่านเกมส์อ่านกลยุทธ์ Anticipation ก็คล้ายการคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าที่กระทบต่อธุรกิจ แต่การที่เราจะคาดเดาได้ เราต้องเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบก่อน ดังนั้นวันนี้เราจะพูดคุยกันในผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะมีผลต่อธุรกิจเรากันครับ
สิ่งสำคัญแรกที่เราน่าจะเห็นแนวโน้มกันมาตั้งแต่ต้นปี คือ อัตราเงินเฟ้อ (หรือเงินเสื่อมค่า) ของสหรัฐอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐจึงมีความจำเป็นต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นสาเหตุนึงให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เพราะ ความต้องการเงินดอลลาร์ เพิ่มสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐที่สูงขึ้น ทำให้เกิดเงินทุนไหลออกจากประเทศต่างๆ กลับเข้าสู่สหรัฐอเมริกา เป็นผลให้การลงทุนในประเทศนั้นๆ ลดลง ส่งผลต่อรายได้และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศนั้นๆ
และยังมีอีกคำที่สำคัญและพูดถึงบ่อยในช่วงนี้อีกเช่นกัน : Stagflation เป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการผสมผสานระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา การว่างงานที่สูง และอัตราเงินเฟ้อที่สูง นี่เป็นสถานการณ์ที่ขัดแย้งกับความสัมพันธ์ทั่วไประหว่างอัตราเงินเฟ้อและการว่างงาน ซึ่งมักอธิบายด้วยเส้นโค้ง Phillips
Stagflation ถือเป็นปัญหาเพราะจะทำให้ผู้กำหนดนโยบายเกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เครื่องมือทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมอาจไม่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับทั้งอัตราเงินเฟ้อที่สูงและการว่างงานที่สูงในเวลาเดียวกัน
แล้วเราควรจะดำเนินธุรกิจอย่างไรภายใต้ Stagflation
- การควบคุมต้นทุน : ในสภาพแวดล้อมที่เศรษฐกิจไม่คงที่ การควบคุมต้นทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ติดตามค่าใช้จ่ายอย่างใกล้ชิด ระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพ และปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร
- กลยุทธ์การกำหนดราคา : ปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาของคุณให้คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อและความสามารถในการจ่ายของผู้บริโภค พิจารณาใช้การกำหนดราคาแบบไดนามิกหรือเสนอบริการเสริมเพื่อปรับราคาให้สูงขึ้น
- การกระจายความหลากหลาย : สำรวจความหลากหลายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ สิ่งนี้สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงโดยการรองรับกลุ่มตลาดต่างๆ
- Focus on Niche Markets : เน้นตลาดเฉพาะที่อาจได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อน้อยลง ปรับแต่งข้อเสนอของคุณเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของตลาดเหล่านี้
- การรักษาลูกค้า : ให้ความสำคัญกับการรักษาลูกค้าและความพึงพอใจ มีส่วนร่วมกับฐานลูกค้าที่มีอยู่ เสนอสิ่งจูงใจ และมุ่งเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว
- Adapt Marketing Strategies : ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสื่อสารคุณค่าและประโยชน์ให้ผู้บริโภคอย่างชัดเจนแม้ราคาจะสูงขึ้น เน้นว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
- ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน : รักษาความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของคุณ ปรับตัวอย่างรวดเร็วตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงและความต้องการของผู้บริโภค ความคล่องตัวสามารถช่วยให้คุณคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้
- นวัตกรรม : ลงทุนในนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโซลูชั่นที่คุ้มค่าซึ่งสามารถตอบสนองทั้งความต้องการของผู้บริโภคและประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใน
- Rebel Marketing : ปลดปล่อยการตลาดแบบกองโจรที่ท้าทายบรรทัดฐานและดึงดูดความสนใจ ทำให้แบรนด์ของคุณน่าจดจำ แม้ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- Collaborative Rebellion : ร่วมมือกับเพื่อนธุรกิจ รวบรวมทรัพยากร แบ่งปันข้อมูลเชิงลึก และสร้างเครือข่ายการสนับสนุนที่เติบโตได้แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายที่สุด
ผลกระทบจากเอเวอร์แกรนด์ บริษัทยักษ์อสังหาริมทรัพย์ล้มละลาย
และอีกผลกระทบนึงที่สำคัญที่พึ่งประกาศยืนยัน คือผลกระทบจากการล้มละลายของ เอเวอร์แกรนด์ โดยที่การล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลต่อจีนและโลกอย่างไรบ้าง?
⁃ ส่งผลต่อสังหาริมทรัพย์ที่กำลังหดตัวอย่างแน่นอน ก่อนจะส่งผลต่อไปเป็นวงกว้างต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะภาคอสังหาฯ เป็นภาคส่วนที่ใหญ่มากของเศรษฐกิจจีน (30% GDP) ซึ่งถ้าล้มไปจะส่งผลต่ออัตราการเติบโตของ GDP กระทบกับอัตราการจ้างงาน กระทบกำลังซื้อของประชาชน และลดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำอยู่แล้วให้ต่ำลงไปอีก
⁃ ทำให้เกิดการส่งเสริมให้ซื้อเฉพาะของในประเทศ ลดการซื้อของต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เพราะจีน เป็นผู้ซื้อเบอร์หนึ่งของหลายประเทศทั่วโลก
⁃ ทำให้ผู้ซื้อไม่ได้บ้าน เพราะ คนจำนวนมากซื้ออสังหาริมทรัพย์จากเอเวอร์แกรนด์แบบ Pre-Sale และจ่ายมัดจำแล้ว (คาดว่าจะมีประมาณ 6 ล้านรายที่ยังไม่ได้รับมอบบ้าน)
⁃ บริษัทคู่ค้า ที่ค้าขายกับเอเวอร์แกรนด์จะไม่ได้รับเงินและจะล้มละลายตาม
⁃ จากหนี้ราว 12 ล้านล้านบาท (คิดเป็น 70% GDPประเทศไทย) ทำให้เกิดวิกฤตในภาคการเงิน เพราะเครดิตความน่าเชื่อถือของบริษัทจีนจะลดลง ทำให้ธนาคารปล่อยกู้ให้ยากขึ้น และต้นทุนการขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจในจีนขยายตัวไม่ได้เท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการขยายตัวทางเศรษฐกิจในทางตรง และส่งผลต่อความน่าลงทุนของสินทรัพย์จีนในทางอ้อม
การหยั่งรู้อนาคต
ดังนั้นคำตอบสุดท้ายของ SME กับการหยั่งรู้อนาคต “อ่านเกมส์อ่านสถานการณ์ล่วงหน้า” ภายหลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากวิกฤตของสองประเทศมหาอำนาจ คือ
- คิดที่จะโตสวนกระแส วางกลยุทธ์เพื่อเติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย สร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างไม่เกรงกลัว เพราะถึงแม้จะไม่ถึงเป้า แต่เรายังสามารถรักษายอดเดิมเอาไว้ได้
- Focus ROI [Return On Investment] ลงทุนให้คุ้มค่าในทุกๆเม็ดเงิน ไม่ว่าจะด้านอะไรก็ตาม Marekting ก็ต้องคุ้มค่าสร้างยอดขายไม่สร้างแต่ภาพลักษณ์ การพัฒนาสินค้า,นวัตกรรม ก็ต้องสามารถ Commercial ได้
- Keep Cash เก็บเงินสดให้ไว เพื่อการปรับตัวปรับเปลี่ยนอะไรที่คล่องตัว
โปรดจำไว้ว่า ทุกวิกฤตมีโอกาสอยู่เสมอ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจดูเหมือนเป็นความท้าทาย แต่ก็เป็นปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์สำหรับ SME ที่จะเจริญรุ่งเรือง ยอมรับความวุ่นวาย ทำลายบรรทัดฐาน และสร้างการปฏิวัติที่จะกำหนดรูปแบบอุตสาหกรรมของคุณในอีกหลายปีข้างหน้า!
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี