TEXT : Momiim
Main Idea
- ปัญหาความแตกต่าง ความไม่เข้าใจระหว่างวัย เป็นสิ่งที่ไม่ว่าองค์กรไหนๆ ก็ต้องเจอ โดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันออกไป
- ทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าใจ และชนะใจเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ได้ ลองมาดู 6 วิธีรับมือเมื่อต้องทำงานกับเด็กรุ่นใหม่กัน
จากที่เราได้เห็นการพูดคุยกันผ่านกลุ่มคนทำงาน ก็จะมีพูดถึงเด็กรุ่นใหม่ในที่ทำงานค่อนข้างเยอะ อย่างเช่น มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานได้สักพัก ก็ลาออกไปแบบเดินออกไปเลยโดยไม่ได้บอกอะไรใคร หรือมาทำงานแล้วไม่ได้พูดคุยกับใครเลยก็มี เป็นต้น วันนี้เราเลยมี 6 วิธีรับมือเมื่อทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z คือ คนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันที่เกิดหลัง พ.ศ.2540 มีอายุระหว่าง 9 -24 ปี มาฝากกัน จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
6 วิธีรับมือกับคนรุ่นใหม่ในที่ทำงาน
1. ให้ข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ
คน Gen Z คนกลุ่มนี้ต้องการคำติชมในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าพวกเขาคุ้นเคยกับการอัปเดตสิ่งต่างๆ ในสื่อโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์ ซึ่งในสภาวะของการทำงาน จึงต้องการฟีดแบคจากผู้นำหรือหัวหน้าแบบเรียลไทม์เช่นกัน เช่นบอกว่างานที่ทำต้องปรับปรุงหรือแก้ไขไหนส่วนไหนบ้าง สิ่งนี้จะทำให้คน Gen Z รู้สึกว่าพวกเขามีค่าและยังช่วยกระตุ้นให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
2. ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน
ในขณะที่คน Gen Z อาจใช้เวลาส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์ ในที่ทำงานจึงต้องส่งเสริมให้พวกเขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร หรือการได้ทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ซึ่งคน Gen Z เป็นกลุ่มที่มีความเป็นกันเอง ดังนั้นถ้าผู้นำหรือหัวหน้าไม่มีในตรงนี้จะทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานตึงเครียดสำหรับกลุ่มคนเจนนี้
และเพื่อจูงใจคน Gen Z ในที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลองให้พวกเขามีส่วนร่วมในการพูดคุยเรื่องต่างๆ ในที่ทำงาน เพื่อลดระยะห่างระหว่างคำว่า เจ้านายกับลูกน้อง เช่น งานเลี้ยงบริษัท กิจกรรมการสร้างทีม เป็นต้น
3. เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน
ในฐานะคนยุคดิจิทัลอย่างคน Gen Z คุ้นเคยกับความสะดวกสบายของโลกออนไลน์ พวกเขาจึงไม่ชอบทำงานในสภาพแวดล้อมที่เครียดมากเกินไป จึงไม่แปลกใจว่าทำไมปัจจุบันมีเทรนด์การทำงานในขณะท่องเที่ยว (Workcation) เกิดขึ้น เพราะว่าสถานที่การทำงานแบบเดิมอาจทำให้รู้สึกไม่แฟร์สำหรับกลุ่มนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการทำงานที่ทำที่ไหนก็ได้
และการทำงานแบบ Work Form Home ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีนี้มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้คน Gen Z มีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น ซึ่งการไม่ต้องจำกัดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ ทำให้พวกเขารู้สึกมีอิสระ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นนี้ยังช่วยให้พวกเขาสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานได้
4. ให้โอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ
สิ่งหนึ่งที่คน Gen Z เกลียดก็คือ การหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และต้องการงานที่เหมาะสมกับความต้องการเพื่อพัฒนาและเติบโต ดังนั้นคน Gen Z จึงมีความทะเยอทะยานและมองหาความก้าวหน้าในอาชีพการงานอยู่เสมอ
จากการสำรวจของ ServiceNow พบว่า 37% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าโอกาสในการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อมองหางาน และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน Gen Z คือ การให้พวกเขาได้เรียนรู้งานใหม่ๆ หรือองค์กรอาจจะมีสวัสดิการให้คนกลุ่มนี้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น มีงบ 10,000 บาทต่อปีในการลงเรียนเสริมในด้านต่างๆ เป็นต้น
5. ใช้โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีในที่ทำงาน
โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของคน Gen Z เพราะว่าเข้ากับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาในฐานะคนยุคดิจิทัล ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงคาดหวังสิ่งนี้ที่ในทุกที่รวมถึงที่ทำงานด้วย ตัวอย่างเช่น บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Hiip Asia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการตลาดชั้นนำ ได้นำซอฟต์แวร์ทรัพยากรบุคคลมาใช้เพื่อลดงานเอกสารและกระบวนการที่ต้องทำด้วยตนเอง
6. ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ
เพราะเรื่องความหลากหลายทางเพศมีความหมายมากกับคนในยุคปัจจุบัน และ Gen Z เป็นกลุ่มคนที่เรียกได้ว่ามีความหลากหลายทางเพศมากที่สุด จากข้อมมูลซึ่งสำรวจจากประชากร 12,000 คนในสหรัฐฯ ระบุผลสำรวจพบว่าในจำนวนของผู้ที่นิยามตัวเองเป็น LGBTQ นี้มีชาวเจเนเรชั่น Z (Gallup ระบุว่าเป็นกลุ่มคนที่เกิดในปี 1997-2003) อยู่ถึง 21% ถือเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในบรรดาทุกกลุ่ม ดังนั้นถ้าองค์กรมีการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ จะทำให้คนกลุ่มนี้มีความสุขกับบรรยากาศในที่ทำงานได้
และนี่คือ 6 สิ่งที่ทำแล้วชนะใจเด็กรุ่นใหม่ได้
ที่มา : https://blog.grovehr.com/how-to-motivate-gen-z-employees
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี