ไม่แปลกที่พนักงานจะขยันหรือทุ่มเทไม่เท่ากับเจ้าของกิจการ แต่อาจไม่ดีแน่ถ้าพนักงานไม่ใส่ใจหรือทำงานแบบขอไปที เพราะนอกจากจะได้ผลงานที่แย่แล้วอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายต้นทุนเพิ่มอีกด้วย
การจะทำให้พนักงานใส่ใจหรือขยันให้ได้สักครึ่งของเจ้าของกิจการคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะการบริหารคนถือเป็นงานหิน บางคนลองใช้วิธีทั้งบุ๋นทั้งบู๊แต่ก็ยังไม่สามารถซื้อใจพนักงานได้ เหมือนกัน ดร.บี-ดร.พรรณนิภา โอฬารธัมมะกิตติ์ ประธานบริหารบริษัท เพาเวอร์โอฬาร จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้าสินค้าอุปโภคที่จัดจำหน่ายตามร้าน 20 บาท ที่ลองทำหลายวิธีไม่เป็นผล จึงเกิดไอเดียให้ลูกน้องเป็นเจ้าของ ซึ่งช่วยพลิกธุรกิจทำให้งานเดินขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ต้นตอปัญหา
ก่อนที่ดร.บี จะค้นพบวิธีนี้ก็ต้องประสบกับปัญหาในการบริหารลูกน้องมาก่อน แม้จะลองหลายๆ วิธีให้ทั้งใจ ให้ทั้งรางวัล แต่ก็ยังไม่สามารถซื้อใจลูกน้องบางคนได้ นอกจากซื้อใจไม่ได้แล้วยังสร้างปัญหาให้อีก อาทิ พนักงานที่จ้างมาขับรถส่งของ ซึ่งบริษัทจะมีรถให้พร้อมกับเด็กยกของ และให้พนักงานมีหน้าที่ขับรถไปส่งของให้ลูกค้า ปรากฏว่าพนักงานขับรถส่วนใหญ่จะอยากวิ่งส่งของเพียงเที่ยวเดียวแล้วกลับบ้าน เท่านั้นยังไม่พอ การขับรถก็ไม่มีความระมัดระวัง ไม่มีการดูแล ทำความสะอาดรถ ทำให้บริษัทต้องมีค่า maintenance ในแต่ละเดือนสูงมาก เธอจึงเปลี่ยนวิธีคิดให้พนักงานได้เป็นเจ้าของรถไปเลย
“เงื่อนไข คือ จะตัดค่างวดรถเดือนละหมื่นขอตัดวีคที่ 4 ให้ค่าวิ่ง่ต่อเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่มีงานรถต้องจอดเฉยๆ ก็จะการันตีมีค่าจ้างให้ แต่ข้อแม้พนักงานคนนั้นต้องไปหาเด็กยกของเอง ต้องรับผิดชอบดูแลรถเอง ปรากฏว่าทุกคนขยันวิ่งรถ แถมไม่ค่อยเสียแล้วรถยังดูสะอาด”
หรืออีกหนึ่งกรณีของ Sellsuki (เซลสุกิ) บริษัทอีคอมเมิร์ซก็มีแนวคิด Ownership ให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจมากที่สุด วิธีการคือ จะให้แต่ละแผนกได้มีอิสระในการบริหารแผนกให้เติบโตด้วยตัวเอง โดยหน้าที่ผู้บริหารคือ จัดการให้แต่ละแผนกแต่ละบ้านจัดการบ้านตัวเองได้ดี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การจัดการตรงนี้มีประสิทธิภาพได้ต้องมีข้อมูลที่เปิดเผยให้แต่ละแผนกได้เห็นข้อมูลทั้งเรื่องการเงิน เรื่อง Human resource ในแผนกของตัวเอง หรือแม้แต่เทคโนโลยีที่จำเป็นที่จะช่วยให้การทำงานดีขึ้น
วิธีทำให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของบริษัท
อย่างไรก็ตามในการที่จะทำให้พนักงานทุกคนมีความรู้สึกเป็น Ownership นั้นคงไม่เรื่องง่าย เพราะแต่ละคนมาจากแต่ละที่ ต่างความคิด บางคนมีความคิดเป็น Entrepreneur ในขณะที่บางคนอาจประสบการณ์ยังไม่พอ
ในฐานะผู้บริหารต้องมองว่าแต่ละคนเหมาะกับอะไร สิ่งสำคัญคือ ต้องเปิดโอกาสให้เขาเติบโต พร้อมที่จะซัพพอร์ตทุกคนที่มีความพร้อม มีความสามารถ มีความรับผิดชอบ
สิ่งที่ผู้บริหารเซลสุกิต้องทำเพื่อซัพพอร์ตตรงนี้ก็คือ ต้องพยายามทำทุกอย่างออกมาให้เป็นข้อมูลอย่างรวดเร็วที่สุด พยายามทำทุกอย่างให้เป็นดิจิทัล เช่น การออกออกใบเสนอราคา, Dashboard ข้อมูลการดำเนินงานของแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อที่จะให้แต่ละแผนกมองเห็นต้นทุนและรายได้ ทำทุกอย่างให้โปร่งใส่ตรวจสอบย้อนกลับถึงปัญหาได้
“การใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งจะเกิดจากผู้บริหารมอบหมายอำนาจให้แต่ละทีม จากนั้นแต่ละทีมก็จะนำข้อมูลไปบริหาร เอาข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจ เพื่อผลประโยชน์ของทีมตัวเอง” ภัทร เถื่อนศิริ Ceo & Co-Founder กล่าว
วันนี้คุณบริหารลูกน้องแบบไหน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี