TEXT : อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
สลิงชอท กรุ๊ป จัดหลักสูตรการพัฒนาภาวะผู้นำสำหรับผู้บริหารระดับสูง ชื่อ LeadershipACT ซึ่งในแต่ละรุ่นมี CEO, C-Level, เจ้าของกิจการ และผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ มาเรียนกันอย่างคับคั่ง
หลังเรียนจบในห้องตามเนื้อหาแต่ละครั้ง จะมีกิจกรรม After Class เรียกว่า ACT Talks ซึ่งนักเรียนแต่ละกลุ่มต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเชิญ Guest Speaker มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และพูดคุยกับแบบใกล้ชิด เล่าให้ฟังกันแบบลับเฉพาะ (Exclusive) ชนิดปิดห้องคุย
พุธที่ผ่านมา หลังจบคลาส นักเรียนทุกคนย้ายสัมภาระจากห้องเรียนไปที่ Lobby Lounge เพื่อรอฟังแขกรับเชิญคนพิเศษของค่ำคืนนั้น ซึ่งท่านเป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นนี้ด้วย คือ พี่เจี๊ยบ - ปฐมา จันทรักษ์ CEO ใหม่ถอดด้าม ของบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังระดับโลก Accenture แถมดีกรีพ่วงท้ายเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของ Microsoft และ IBM อีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ พี่เจี๊ยบเล่าให้ฟังถึงช่วงที่ได้ทำงานกับบริษัทข้ามชาติตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งประสบการณ์ดีๆ ที่น่าประทับใจและการถูกรับน้องโดนลองของแบบหนักๆ นับครั้งไม่ถ้วน
วันหนึ่งในการประชุม Global Team Meeting เป็นครั้งแรก หลังจากที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง Head of Global Team
สมาชิกใน Global Tem นี้ทั้งหมดเป็นฝรั่งหัวทอง พวกเขารู้จักกันดีอยู่แล้วเพราะทำงานด้วยกันมานาน แต่ไม่รู้จัก Patama หัวหน้าคนใหม่ แถมไม่รู้ด้วยว่า Patama เป็นหญิงหรือชาย แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจอะไรมากนัก
ตอนนั้นพี่เจี๊ยบอายุ 35 เป็นสาวเอเซียตัวเล็กผมดำเพียงคนเดียวในทีม ตอนไปถึงห้องประชุม ทุกคนมากันพร้อมหน้า กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสออกชาติ เพราะคุ้นเคยกันดีเพียงแต่ไม่ค่อยได้เจอกัน
ทันทีที่พี่เจี๊ยบมาถึง ทุกคนในห้องหันมามอง เธอเริ่มต้นด้วยการ “ยิ้ม” และทักทาย “Good Morning” ตามประสาคนมาจาก Land of Smile
ทุกคนทักตอบ แล้วก็คุยกันต่อ ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมายนัก
สักครู่ มีผู้ชายคนหนึ่งหันมาบอกเธอว่า “Can you bring me a cup of coffee, please ?” เพราะคิดว่าผู้หญิงหัวดำตัวเล็กๆ คนนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “แม่บ้าน”
เธอฉุกคิดสักครู่ ว่าจะตอบยังไงดี แต่ยังไม่ทันที่ความคิดจะตกผลึก
คนอื่นๆ ที่เหลือในห้อง ต่างตะโกนสั่งเครื่องดื่มกันจ้าละหวั่น คนโน้นเอากาแฟดำ คนนี้เอาคาปูชิโน คนนั้นเอาม็อคคาหวานน้อย ฯลฯ
ไม่ต้องคิดต่อ เธอตัดสินใจ Take Order แล้วเดินออกไปนอกห้อง ชงกาแฟมาเสิร์ฟทุกคน
หลังจากภารกิจเสิร์ฟกาแฟเสร็จสิ้น เธอก็เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ ตำแหน่ง “ประธานในที่ประชุม”
ทั้งห้องเงียบกริบ ต่างคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีใครกล้าหยิบกาแฟขึ้นมากินเลย
แล้วใครสักคนก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “We are so sorry” ประมาณว่า “ขอโทษมากๆ เลย พวกเรามีตาหามีแววไม่”
เธอยิ้มและตอบด้วยความนอบน้อมว่า “No worry, I am happy to serve you all, however, this must be the most expensive coffee you ever had” — ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ฉันยินดีที่ได้บริการทุกคน และนี่คงเป็นกาแฟแก้วที่แพงที่สุดที่คุณเคยดื่มเลยกระมัง
จากนั้นการประชุมก็เริ่มต้นขึ้น พี่เจี๊ยบเล่าว่า การประชุมครั้งนั้นราบรื่นมาก ทุกคนให้ความร่วมมือและพร้อมสนับสนุน เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องที่ควรต้องใช้เวลาสักชั่วโมง จบลงได้ภายใน 15 นาที นี่คงจะเป็นอานิสงส์ของกาแฟแก้วนั้น เพราะทุกคนรู้สึก Guilty เลยต้องทำตัวดีๆ 555
ลองคิดดูว่า ถ้าวันนั้น เพียงแต่พี่เจี๊ยบตอบโต้กลับไปอีกอย่าง โดยให้ Ego ของตัวเองทำงาน เช่น “คุณรู้ไหม ฉันเป็นใคร พวกคุณนั่นแหละที่ควรไปเอากาแฟให้ฉัน ไม่ใช่ฉันที่ต้องไปชงกาแฟให้คุณ”
ผมว่าเหตุการณ์วันนั้น คงเป็นหนังคนละม้วน เพราะคนเหล่านั้นก็มี “ตัวตน” ใหญ่พอสมควรเช่นกัน แต่พี่เจี๊ยบเลือกใช้ความ “อ่อนน้อมแต่ไม่อ่อนแอ” ในการรับมือ วิกฤตเลยกลายเป็นโอกาส
เรื่องราวนี้ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว ทุกคนในห้องนั้นวันนี้เป็นใหญ่เป็นโตกันไปหมด แต่ทุกคนยังรักและคิดถึงพี่เจี๊ยบเสมอ หลายคนกลายมาเป็นเพื่อนสนิท เจอกันพร้อมหน้าทีไร ต้องมีใครสักคนตะโกนขึ้นมาว่า “Can you bring me a cup of coffee, please ?” ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะกันออกมา
ฟังพี่เจี๊ยบเล่าจบ ลุกขึ้นปรบมือทันที … เทพ ครับ เทพ !
ขอคารวะ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี