เวลาเกิดวิกฤตขึ้นมา นอกจากเงินกู้จากสถาบันการเงิน หรือแหล่งเงินทุนต่างๆ แล้ว ยังมีอีก 2 บุคคลสำคัญทางธุรกิจที่สามารถเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง พยุงกิจการของเราให้รอดพ้นจากวิกฤตไปได้หากบริหารจัดการได้ดี บุคคลที่ว่าก็คือ “ลูกหนี้การค้า” และ “ซัพพลายเออร์” ว่าแต่ต้องทำยังไงลองไปดูพร้อมกันเลย
ลูกหนี้การค้า
- ทบทวนเงื่อนไขเทอมการชำระเงิน พร้อมจัดเรียงลำดับลูกหนี้แต่ละราย ใครหนี้มาก หนี้น้อยเท่าไหร่
- เพิ่มข้อเสนอ แรงจูงใจให้จ่ายเร็วขึ้น ให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกหนี้การค้าที่ตรงเวลา
- ติดตามดูสถานะทางการเงินของลูกหนี้การค้า อย่าชะล่าใจไปเชียว คุณควรติดตามข่าวสารข้อมูลการเงินและสภาพคล่องในธุรกิจของลูกหนี้การค้าแต่ละรายด้วย เพื่อดูแนวโน้มดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการกระจุกตัวกับลูกค้าเพียงกลุ่มเดียว ต้องสร้างแหล่งรายได้ให้กับธุรกิจมากกว่า 1 แหล่ง อย่ายึดติดกับลูกค้าแค่เพียงกลุ่มธุรกิจเดียว เพราะหากกลุ่มนี้ล้มขึ้นมา ก็ยังมีกลุ่มอื่นไว้รองรับได้
- ขอหลักประกันในการชำระหนี้ ควรทำหนังสือค้ำประกัน และวงเงินประกันหากไม่สามารถจ่ายชำระได้
- สร้างมาตรการเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระ โดยวางเป็นสเตปๆ เช่น ผิดชำระครั้งแรกต้องทำอย่างไร ครั้งสอง และครั้งต่อไป พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยดูก่อน หากยังไม่สามารถจัดการได้ อาจต้องฟ้องร้อง
ซัพพลายเออร์
- เจรจาต่อรอง เพื่อบริหารสภาพคล่อง เช่น สั่งซื้อในราคาพิเศษ หรือขอยืดเวลาการชำระให้นานขึ้น โดยขอผ่อนผันหรือยกเลิกข้อสัญญาบางอย่าง เช่น การชำระเร็ว เพื่อพยุงกิจการให้ไปต่อได้ทั้งคู่
- ตรวจสอบซัพพลายเชน รักษาปริมาณสินค้าในสต็อกขั้นต่ำ โดยพยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายกับปริมาณการผลิต
- หาแหล่งซัพพลายเออร์ให้มากกว่า 1 แห่ง เพราะในยามวิกฤตสินค้าอาจเกิดการขาดแคลนได้
- จับมือร่วมกัน เช่น ร่วมกับซัพพลายเออร์ขายวัตถุดิบให้ลูกค้าไปทำเอง โดยใช้ช่องทางจัดจำหน่ายของแบรนด์
- ข้อพิจารณาอื่นๆ อาทิ การคิดค่าปรับหากขนส่งของล่าช้า, ทบทวนเวลาประกัน, ซัพพลายเออร์มีอะไรบ้าง เพื่อป้องกันความเสี่ยง
TEXT : เรียบเรียงจากงานสัมมนา “10 Ways to improve your business”
ตอน : เทคนิคบริหารการเงินในภาวะวิกฤต
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี