Main Idea
- เวลาที่เราต้องเจอกับสถานการณ์วิกฤต บางทีจะคิดในแง่บวกก็คงยากเกินไป มองไปทางไหนก็มืดมนเหมือนไม่มีทางออก
- แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังอยากให้คุณลองพลิกมุมกลับ ปรับมุมมอง เพราะภายใต้ปัญหาที่ถาโถมย่อมมีโอกาสและเรื่องดีๆ ที่รอคุณอยู่เสมอ
ในสถานการณ์ปัจจุบันมีหลายอย่างที่กำลังถาโถมเข้าใส่ผู้ประกอบการทุกคน เหมือนโลกกำลังทดสอบว่า ‘ลองดูสิว่าเธอจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน’ และในความวิกฤตเช่นนี้ เราเชื่อว่าทุกคนคงเครียด เหนื่อย ท้อ ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด แต่วันนี้เราอยากจะ Cheer up! ผู้ประกอบการทุกคนในวิกฤตครั้งนี้ด้วยการมองโลกในแง่บวก เพราะฟ้าหลังฝนมักจะสดใสเสมอ
- ชื่นชมสิ่งดีๆ รอบข้าง
แม้ว่าคุณจะเจอปัญหาและอุปสรรคมากมายขนาดไหน แต่อย่าลืมสิ่งดีๆ ที่อยู่รอบตัวและพยายามชื่นชมสิ่งนั้นทุกวันเพื่อเตือนใจว่าความสุขบางทีก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่น่ารัก ภรรยาที่คอยเคียงข้างเสมอ อาหารเย็นแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ความสดชื่นของต้นไม้หน้าบ้านที่กำลังออกดอกออกผล ยิ้มให้กับคนข้างบ้าน ช่วยเหลือผู้อื่น มีลูกน้องที่ดีและตั้งใจทำงาน เป็นต้น
- มีโอกาสอยู่ในทุกวิกฤต
แน่นอนว่าทุกวิกฤตจะมีปัญหาถาโถมเข้าใส่คุณจนแทบยืนไม่อยู่ แต่ลองมองให้ลึกเข้าไปแล้วคุณจะพบว่ามันมักจะมีโอกาสบางอย่างตามมาด้วยเสมอ หากคุณไม่มีลูกค้าในช่วงนี้ ก็ถือว่าเป็นการหยุดพัก ปรับปรุงธุรกิจครั้งใหญ่ ได้เวลาปรับเปลี่ยนสิ่งที่เคยอยากทำมานานแต่ไม่มีเวลา ได้เปลี่ยนธุรกิจเป็นการช่วยเหลือสังคมเท่าที่ทำได้ เช่น เจ้าของบริษัทที่รับจัดตั้งบูธเวลาออกงานได้เสนอตัวช่วยติดตั้งห้องกักกัน COVID-19 ฟรี นอกจากนี้ในวิกฤตเรายังได้มองเห็นว่ามีลูกน้องคนไหนบ้างที่พร้อมจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน ได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ได้อ่านหนังสือที่กองไว้เป็นปีหรือแม้แต่การปรับโมเดลธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ครั้งนี้ รับรองว่ากลับมาอีกครั้งต้องปังกว่าเดิมแน่นอน
- หมั่นดึงตัวเองจากความทุกข์
ก่อนที่คุณจะคิดบวกได้ คุณต้องรู้ทันความคิดของตัวเองเสียก่อน ต้องรู้เท่าทันความทุกข์และหมั่นดึงตัวเองออกจากความทุกข์นั้น เวลาที่เราเจอปัญหาหนักๆ ใจเราจะไปจมอยู่กับความรู้สึกแย่ โทษตัวเอง ทุกอย่างมืดมน เหมือนโดนดูดเข้าไปในหลุมดำที่ไร้ทางออก ฉะนั้น สติจะช่วยให้คุณรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังรู้สึกอย่างไร ตอนนี้กำลังทุกข์ใจมาก แล้วต้องทำอย่างไรดีเมื่อรู้สึกเช่นนี้ คุณจำเป็นต้องฉุดตัวเองขึ้นมาจากหลุมนั้นด้วยตัวเอง โดยใช้วิธีเอาใจไปโฟกัสกับสิ่งอื่น เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น การปลูกต้นไม้ อยู่กับธรรมชาติ บางคนอาจฟังธรรมะ บางคนเล่นกับลูก บางคนได้รับประทานอาหารอร่อยๆ เป็นต้น
- ปล่อยวางจากสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
หากคุณเจอปัญหาหนักใจ อยากให้คุณลองแบ่งปัญหานั้นออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกคือปัญหาที่คุณสามารถแก้ไขได้ ก็ให้พยายามแก้ไขไปทีละจุด อันไหนฉุกเฉินให้ทำก่อน อันไหนรอได้ก็ให้รอก่อน ส่วนอีกก้อนคือปัญหาที่คุณไม่สามารถแก้ไขได้ ควบคุมไม่ได้ เกิดจากปัจจัยภายนอก ปัญหานี้อย่าเก็บมาทำร้ายตัวเอง ต้องปล่อยวางจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ อย่าพยายามควบคุมทุกอย่างบนโลกใบนี้เพราะจะทำให้คุณหมดแรงและไม่มีพลังเหลือมาทำในสิ่งที่สำคัญ
- อยู่ใกล้คนคิดบวก
เวลาที่เราเป็นทุกข์ ไม่รู้จะมองโลกในแง่บวกได้อย่างไร อ่านข่าวก็เครียด คุยกับคนอื่นก็เครียด เหมือนยิ่งสุมไฟให้ความเครียดทวีคูณ จนท้ายที่สุดก็ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้อีกเลย เมื่อเจอความรู้สึกนี้ให้พยายามมองหาคนรอบตัวที่เขามีพลังบวกเยอะๆ แล้วคุยกับเขา ปรึกษาเขา เรียนรู้วิธีคิดจากเขา แล้วคุณจะได้เห็นมุมมองของโลกใบนี้ในอีกแง่หนึ่งซึ่งจะช่วยสร้างพลังให้คุณสามารถต่อสู้ได้ท่ามกลางวิกฤตชีวิตเช่นนี้
เมื่อวิกฤตทำร้ายเรา เราก็ยิ่งต้องแข็งแกร่งและยืนหยัดสู้ เราเชื่อว่ายังมีสิ่งดีๆ รออยู่และโอกาสนี้แหละที่จะทำให้คุณได้กลายเป็นคนใหม่ เป็นนักสู้ตัวจริงที่ไม่ว่าเรื่องร้ายใดๆ ก็จะไม่สามารถทำร้ายคุณได้ เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี