คงเป็นเรื่องปกติที่เมื่อคนเรามีความสัมพันธ์ต่อกันมากกว่า 1 แบบ ความอึดอัดใจย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายแบบที่ศัพท์ทางสังคมศาสตร์เรียกว่า “สถานภาพขัดกัน” โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่ต้องร่วมกันทำธุรกิจ สถานการณ์เช่นนี้มักก่อให้เกิดความลำบากใจให้กับใครหลายๆ คน ดังนั้น เราลองมาดูเทคนิคง่ายๆ ซึ่งแปลและเรียบเรียงจากเว็บไซต์ http://familybusiness.about.com เพื่อจะช่วยให้การบริหารงานในธุรกิจครอบครัวนั้นราบรื่น ไร้ปัญหาติดขัด
• เปิดอกสื่อสาร การพูดคุยกันแบบชัดเจนถือเป็นสิ่งสำคัญมากหากคนที่เป็นญาติมิตรหรืออยู่บ้านเดียวกันจะค้าขายร่วมกัน วิธีง่ายๆ ก็คือ ต้องตกลงกันตั้งแต่ทีแรกถึงกฎเกณฑ์ ความรับผิดชอบ รวมถึงความคาดหวังด้านการทำงานเป็นรายบุคคล และต้องแน่ใจด้วยว่าแต่ละคนยอมรับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างเต็มใจและเข้าใจในหลักเกณฑ์ หากทำข้อนี้ได้ อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้นมาก
• ใช้เหตุผลเป็นปราการ อย่าใช้อารมณ์เด็ดขาด ก่อนที่จะตัดสินใจหรือออกความเห็นใดๆ ถามตัวเองก่อนว่า หากสมาชิกในองค์กรคนนี้ไม่ใช่คนในครอบครัวคุณจะจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร โดยจุดประสงค์ที่แท้จริงของการทำเช่นนี้ก็เพื่อฝึกฝนให้คุณใช้เหตุผลภายใต้ความอ่อนไหวของอารมณ์ที่กำลังดำเนินไป แน่นอนว่าการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ในการทำงานกับคนในครอบครัวนั้นสร้างความลำบากใจไม่น้อย และปฏิกิริยาตอบโต้โดยฉับพลันก็มักเป็นไปในแบบต่อต้านกันและกันมากกว่าที่จะให้เวลากับการมองสิ่งเหล่านั้นตามความเป็นจริง ที่สำคัญต้องไม่ลืมอธิบายด้วยว่าบทบาทที่คุณแสดงออกนั้นเป็นไปตามหลักของสถานภาพการทำงาน ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ มาเกี่ยวข้อง
• ให้รางวัลตามความสามารถ หากสมาชิกในครอบครัวมาตรฐานไม่ถึงเกณฑ์ที่คุณกำหนด ควรจ้างคนนอกเสียดีกว่า เพราะคนสนิทของคุณอาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดี และจงมอบผลตอบแทนตามความสามารถ มิเช่นนั้นแล้วคำครหาที่ว่าคุณลำเอียง เล่นพรรคเล่นพวกจะตามมา อันจะส่งผลต่อความมั่นคง และชื่อเสียงของธุรกิจในระยะยาวด้วย
• แสดงความยุติธรรม ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้น จงอย่าเลือกข้าง เพราะจะกลายเป็นว่าคุณอยู่ภายใต้ความกดดัน และสถานการณ์แย่ๆ ที่กำลังคุกรุ่น ต้องทำตัวให้อยู่ในฐานะที่สามารถควบคุมทั้ง 2 ฝ่ายได้ กรณีที่คนของคุณไม่ยอมลดราวาศอก จงบอกให้เขากลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านสักพักจนกว่าจะดีขึ้น แล้วจึงใช้เหตุผลไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเป็นธรรมที่สุด
• สานสัมพันธ์ให้สมดุล เชื่อไหมว่าการตั้งหน้าตั้งตาทำงานใส่กันอย่างเดียวจนละเลยที่จะสานสัมพันธ์กันอาจทำให้ทั้งธุรกิจ และสถานะทางครอบครัวย่ำแย่ได้ ซึ่งวิธีการก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยสักนิด เพียงแค่ไปกินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนที่เคยทำ แต่ไม่ควรนำเรื่องงานมาปรึกษาหารือ หรือแม้แต่จะพูดถึงโดยเด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่านอกจากคุณจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ยังเป็นเพื่อนร่วมงานกันด้วย การพูดถึงเรื่องดังกล่าวในเวลาพักผ่อนจึงมีแต่จะบั่นทอนโลกของการทำงาน และโลกส่วนตัวเสียเปล่าๆ ข้อนี้นี่เองที่จะจำกัดให้คนในครอบครัวเดียวกันไม่สามารถระบายความเครียดในการทำงานให้กันและกันฟังได้เหมือนคนทั่วไป