TEXT : Momin
Main Idea
- สาเหตุที่โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
- ถ้าไม่อยากโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังต้องทำอย่างไร
- ถ้าไม่จ่ายภาษีย้อนหลังต้องโดนโทษอะไรบ้าง
- ขายของได้เท่าไหร่ถึงต้องจ่ายค่าภาษี
จากเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ประกอบการออนไลน์หลายคนถึงกับต้องอึ้ง กับกรณีหลังจากที่แม่ของน้องปอผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องมาไลฟ์ขายขนมเพื่อหาค่าใช้จ่ายดูแลลูก ซึ่งโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากการขายของ รวมเป็นเวลาถึง 5 ปี ค่าปรับเป็นจำนวนเงินรวม 12 ล้านบาท เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ประกอบการที่ขายของผ่านทางช่องทางออนไลน์เป็นอย่างมาก วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปดูว่าขายของได้เท่าไหร่ถึงต้องจ่ายภาษี และข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับการเก็บภาษีย้อนหลังมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
สาเหตุที่โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
การเก็บภาษีย้อนหลัง (Retroactive tax) คือ จะเกิดขึ้นหลังจากมีการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ซึ่งจะเป็นการป้องปรามทางภาษีอากร โดยการตรวจสอบภาษีย้อนหลังจะดำเนินการโดย 3 หน่วยงาน คือ กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และสาเหตุที่โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังมี 2 อย่างด้วยกันดังนี้
1. ยังไม่จ่ายภาษี
2. จ่ายภาษีไม่ถูกต้องหรือไม่ครบ
ถ้าไม่จ่ายภาษีย้อนหลังต้องโดนโทษอะไรบ้าง
- กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี
- กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฏว่าไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่ชำระภาษีขาดหรือต่ำไป นอกจากจะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าหรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี เงินเบี้ยปรับดังกล่าวอาจลดหรืองดได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
- กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
- กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
- กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าไม่อยากโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังต้องทำอย่างไร
1. ต้องยื่นภาษีทุกปี และต้องตรวจสอบเอกสารรายรับของธุรกิจให้ถูกต้องและครบถ้วนก่อนยื่นภาษี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาได้ในภายหลัง
2. ทำบัญชีรายเดือน เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นภาษีรายได้ในแต่ละปี และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม อย่างธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กที่คิดว่าการทำบัญชีอาจเป็นเรื่องไกลตัว แต่ระวังจะโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเหมือนกับเคสข้างต้น
3. ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภาษีอยู่เสมอ เพราะว่าการยื่นภาษีในแต่ละปีมักจะมีเงื่อนไขใหม่ๆ ออกมาเสมอ ซึ่งผู้ประกอบการควรติดตามข่าสารเรื่องภาษีอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นประโยชน์ในเรื่องของการลดหย่อนภาษี
ขายของได้เท่าไหร่ถึงต้องจ่ายค่าภาษี
สำหรับผู้ประกอบการที่ขายของผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่เรียกเป็นทางการว่าการทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในรูปแบบของการซื้อ-ขายสินค้าและบริการ ผ่านช่องทาง (e-Commerce) ด้วยช่องทางต่างๆ เช่น Line Lnwshop Facebook Weloveshopping Instagram Twitter Lazada Shopee Konvy เป็นต้น ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับการขายสินค้าที่มีหน้าร้านทั่วไป ซึ่งผู้ขายต้องนำรายได้นั้นมารวมเพื่อคำนวณยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ด้วย และถ้ารายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าทีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
และสาเหตุที่แม่ของน้องปอโดนเรียกเก็บภาษีเนื่องจากขายของได้เกินปีละ 1.8 ล้าบาท แต่ไม่ได้ไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้ต้องเจอค่าปรับอย่างที่เราได้บอกไปในข้างต้น
ที่มา : https://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/infographic/info-e-business.pdf
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี