เมื่อเอ่ยถึง “บัญชี” เจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อยต่างพากันส่ายหน้าหนี เพราะเห็นเป็นเรื่องยาก ชวนน่าปวดหัว แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นธุรกิจแล้ว สิ่งสำคัญคือการมุ่งหวังผลกำไร แน่นอนว่าผลกำไรนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขโดยตรง ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดใหญ่ หรือเล็กจึงไม่สามารถที่จะหลีกหนีเรื่องของตัวเลขไปได้ และเป็นเหตุผลว่า ทำไม ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของธุรกิจจึงต้องรู้เรื่องบัญชี
จากความเห็นของ อชิระ ประดับกุล ที่ปรึกษาทางด้านบัญชี และเจ้าของพ็อกเก็ตบุ๊ก “บัญชีต้องรู้” ได้ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจที่เป็นขนาดกลางและเล็ก หรือ SME นั้น มักจะมองว่าบัญชีเป็นเรื่องยาก ส่วนใหญ่จึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่อย่างไรแล้วก็หนีไม่พ้น เพราะเมื่อใดก็ตามที่ทำธุรกิจ ย่อมต้องทำบัญชีควบคู่เสมอ
ซึ่งบัญชีในที่นี้ ก็มิได้หมายความว่า จะต้องทำเป็นระบบใหญ่โต หากเป็นกิจการขนาดเล็ก เพียงแค่จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้รู้ถึงผลกำไรที่แท้จริง ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นการทำบัญชีที่ถูกต้องแล้ว หรือถ้าเป็นธุรกิจขนาดกลาง คนกลุ่มนี้จะเริ่มมองหาผู้ที่จะมาช่วยดูแลระบบบัญชีให้ เช่น การจ้างสำนักงานบัญชี หรือผู้ทำบัญชีอิสระ หรือถ้าเป็นกิจการที่ใหญ่ขึ้นไปอีก อาจจะต้องรับพนักงานบัญชีเข้ามานั่งประจำออฟฟิศ
“ผู้ประกอบการหลายคนมักจะคิดว่า เมื่อจ้างคนเข้ามาทำแล้ว ตนเองไม่ต้องรู้แล้วก็ได้ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การที่เจ้าของธุรกิจไม่มีความรู้เบื้องต้นอาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการจัดทำบัญชีที่ไม่ถูกต้องได้ เพราะถ้าผู้ประกอบการไม่มีความรู้ ก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เขาทำให้เรานั้นถูกต้องหรือไม่ เช่น เขายืนภาษีให้เราในแต่ละเดือนถูกต้องไหม ถ้าวันหนึ่งเกิดความผิดพลาดในเรื่องของภาษี กรมสรรพากรตรวจพบ วันนั้นเราอาจจะเกิดปัญหา แต่ถ้าพอมีความรู้เบื้องต้น อย่างน้อยก็ควบคุมได้ โดยที่เราไม่ต้องไปลงมือทำเอง รู้แค่ว่าจะต้องบริหารอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเท่านั้น”
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ไม่มีความรู้ในเรื่องบัญชีนั้น วิธีที่จะทำให้ตัวเองมีความรู้ได้ ง่ายที่สุดคือ การสอบถาม พูดคุยกับผู้ที่ดูแลระบบบัญชี ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานบัญชี หรือพนักงานบัญชีก็ดี เช่น เดือนนี้ธุรกิจเป็นอย่างไร หรือภาษีมูลค่าเพิ่มเดือนที่ผ่านมาจ่ายไป 1,000 บาท เดือนนี้จ่าย 5,000 บาท ทำไมถึงเพิ่มขึ้น หรือถ้าอยากรู้ว่าเอกสารนี้มีประโยชน์อย่างไร หรือมีไว้สำหรับทำอะไร ก็ต้องสอบถามพนักงานบัญชีเพื่อให้รู้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ควรต้องมีการพูดคุยกันทุกเดือน ถือเป็นการสะสมความรู้ไปทีละเล็กทีละน้อย
“การสอบถามทุกเดือนเหมือนเป็นการสั่งสมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเจ้าของธุรกิจก็จะเข้าใจเอง อย่างของผมเคยมีผู้ประกอบการรายหนึ่งที่เป็นลักษณะนี้ เขาจะถามทุกเดือนเลย ถามตั้งแต่ศูนย์เลยนะ คือไม่มีความรู้เลย แต่เขาจะเก็บสะสมไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาสามารถไปยื่นภาษีเองได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ต้องถึงกับว่าครึ่งหนึ่งของเวลาทำงานทั้งหมด ต้องทุ่มไปกับของเรื่องบัญชี เพื่อให้ต้องรู้ลึกที่สุด ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ เบื้องต้นแค่รู้ว่าเขาทำอะไรกันก่อน ไม่ต้องไม่รู้ถึงว่าเขาจดบันทึกอย่างไร เรียกว่าเป็นการรู้เพื่อระวังข้อผิดพลาดที่จะเกิดในธุรกิจ”
พร้อมกันนี้ อชิระยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า การรู้และเข้าใจเรื่องบัญชี มีผลต่อการบริหารงานธุรกิจ เช่น การดูงบการเงิน ส่วนใหญ่เจ้าของธุรกิจมักจะดูแค่บรรทัดสุดท้ายของงบการเงิน ที่จะเขียนว่า “กำไรหรือขาดทุน” เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าดูในรายละเอียด รายการที่อยู่ก่อนบรรทัดสุดท้ายก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน
เช่น ถ้าบรรทัดสุดท้ายที่ดูเป็นกำไรก็จริง แต่เนื้อในกลับพบว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับออฟฟิศ สำนักงาน สูงผิดปกติ ในขณะที่ยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้น หากดูแค่บรรทัดสุดท้ายจะไม่มีโอกาสรู้เลย ว่าเกิดความผิดปกติขึ้นกับออฟฟิศ หรือค่าใช้จ่ายอะไรที่ถูกเบิกไปผิดปกติ เป็นต้น
นอกจากนี้ การรู้บัญชียังสามารถช่วยในเรื่องของการวางแผนด้านต้นทุนทางธุรกิจอีกด้วย เพราะสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ SME อยู่รอดได้นั้น คือต้องรู้จักวางแผนการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ เงินทุกบาทที่จ่ายไป ต้องก่อให้เกิดรายได้กลับมาด้วย
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของอชิระวันนี้ผู้ประกอบการไทยยังให้ความสำคัญกับเรื่องของบัญชีน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เริ่มหันมาสนสนใจบัญชีจริงๆ ก็ต่อเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะอย่างที่บอกว่าในหัวของผู้ประกอบการมักจะคิดว่าบัญชีเป็นเรื่องวุ่นวาย เป็นตัวเลขที่ยากจะเข้าใจ ดังนั้นสิ่งจำเป็น คือ ต้องเร่งสร้างทัศนคติใหม่ให้กับผู้ประกอบการว่า บัญชี ก็สามารถที่จะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของคุณได้เช่นกัน
Create by smethailandclub.com : แหล่งรวมข้อมูล เพื่อผู้ประกอบการ SME