Main Idea
ข้อดีของการจดทะเบียนธุรกิจเป็น “วิสาหกิจเพื่อสังคม”
- สามารถเปิดระดมทุนให้มีนักลงทุน ประชาชนทั่วไปหรือกองทุนวีซี ร่วมลงทุนได้โดยไม่ต้องรายงานต่อ ก.ล.ต. เพื่อให้การระดมทุนเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
- บริษัท องค์กรธุรกิจ บริษัทมหาชน ใดๆ ที่ให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม เช่น สนับสนุนเงินทุน จะสามารถนำวงเงินนั้นไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้อีกด้วย
- SME จะได้ปรับรูปแบบธุรกิจให้สร้างประโยชน์ต่อสังคมได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีโอกาสได้รับการระดมทุนจากองค์กรธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ได้รับประโยชน์ วิน-วิน กันทุกฝ่าย
“วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social Enterprise หรือ SE) เป็นรูปแบบการจดทะเบียนกิจการรูปแบบใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมและมุ่งเน้นความมีธรรมภิบาลทางธุรกิจ เช่น ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมโดยรอบตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งผู้ถือหุ้น คู่ค้าและลูกค้า
สำหรับธุรกิจ SME สามารถยื่นลงทะเบียนขอจดรูปแบบกิจการให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมได้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบนั่นคือ “สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม” (สวส.) ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2562
ผู้ประกอบการจะต้องเขียนรายงานสรุปยื่นไปยังหน่วยงานดังกล่าวเพื่ออธิบายว่า รูปแบบธุรกิจที่ดำเนินอยู่สร้างประโยชน์ต่อสังคมในรูปแบบใด เช่น ทำธุรกิจแปรรูปอาหารโดยอาศัยวัตถุดิบภายในชุมชนเพื่อให้เกิดการจ้างงานและเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในชุมชน เป็นต้น
ข้อดีของการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมก็คือ สามารถเปิดระดมทุนให้มีนักลงทุน ประชาชนทั่วไปหรือกองทุนวีซี สามารถเข้ามาร่วมลงทุนได้โดยไม่จำเป็นต้องรายงานต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้การระดมทุนเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ทั้งนี้วิสาหกิจเพื่อสังคมจะต้องนำผลกำไรที่เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ นำไปใช้เพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่สังคม ส่วนที่เหลืออีก 30 เปอร์เซ็นต์ สามารถจ่ายเป็นปันผลคือให้กับผู้ถือหุ้นได้
นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ บริษัท องค์กรธุรกิจ บริษัทมหาชน ใดๆ ที่ให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมไม่ว่าจะรูปแบบใด เช่น การสนับสนุนเงินทุน จะสามารถนำวงเงินนั้นไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลได้อีกด้วย จุดประสงค์เพื่อให้องค์กรธุรกิจที่มีความเข้มแข็งให้การสนับสนุนกิจการเพื่อสังคม
สิทธิพิเศษดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กหันมาปรับรูปแบบธุรกิจให้สร้างประโยชน์ต่อสังคมมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีโอกาสที่จะได้รับการระดมทุนจากองค์กรธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ถือว่าได้รับประโยชน์กันทุกฝ่าย
ทั้งนี้ทุกธุรกิจสามารถปรับรูปแบบธุรกิจให้มีความเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมได้โดยที่ยังคงรูปแบบธุรกิจหลักเอาไว้อยู่ อย่างไรก็ตามแม้จะมีสิทธิประโยชน์ด้านเงินทุนเป็นสิ่งจูงใจ แต่ต้องคิดเสมอว่าสิทธิประโยชน์นั้นไม่ควรจะเป็นวัตถุประสงค์หลักในการเปลี่ยนองค์กรให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม แต่ไม่มีใจที่จะทำเพื่อสังคมจริงๆ
อย่างไรก็ตามแนวโน้มของการดำเนินธุรกิจในยุคอนาคต ความใส่ใจเรื่องของสังคม สิ่งแวดล้อมและสังคม จะมีความสำคัญมากขึ้น โดยไม่ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลักเลยทีเดียว
ขณะที่ภาคตลาดทุนและสถาบันการเงินก็เริ่มให้ความสำคัญกับกิจการเพื่อสังคมมากยิ่งขึ้น เป็นไปได้สูงว่าการพิจารณาแหล่งเงินทุนสนับสนุนให้กับ SME จะมีการยกประเด็นเพื่อสังคมมาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณามากขึ้น
ผู้ประกอบการเองจึงควรหันมาศึกษาและปรับตัวเข้ากับแนวโน้มหลักนี้มากขึ้นเช่นกัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี