ธุรกิจต้องไปต่อ! จับตามาตรการใหม่ แบงก์ช่วย SME ต่อลมหายใจถึงต้นปี’ 64




Main Idea
 
 
  • ภายในเดือนกันยายน – ตุลาคม 2563 นี้ จะเป็นช่วงรอยต่อสำคัญสำหรับ SME เนื่องจากมาตรการพักชำระหนี้จะสิ้นสุดลง ซึ่งด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง จึงทำให้อาจมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณาต่ออายุโครงการ
 
  • อีกทางเลือกหนึ่งคือการออกมาตรการใหม่ อย่าง โครงการที่เน้นการรักษาตำแหน่งงาน (Job Retention Scheme) โดยตรง หรือการโอนสินทรัพย์ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMCs) ช่วยบริหาร ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ SME ได้รับอนุมัติสินเชื่อเพิ่มเติม




      สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และในระดับธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา ในฝั่งภาคการเงินก็มีกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน ร่วมกันออกมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยพุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ ธุรกิจ SME ซึ่งครอบคลุมกลุ่มที่เป็นนิติบุคคลไม่น้อยกว่า 7 แสนราย และในรูปบุคคลอีกกว่า 2.2 ล้านราย ขณะที่ ครอบคลุมการจ้างงานถึงประมาณ 14 ล้านตำแหน่ง 





      มาตรการช่วยเหลือด้านการเงินที่สำคัญ ได้แก่ มาตรการเลื่อนกำหนดการชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนเป็นการทั่วไป มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงการช่วยลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการ SME โดยการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. เป็นต้น ซึ่งสำหรับโครงการเลื่อนกำหนดการชำระหนี้จะสิ้นสุดลงประมาณเดือนตุลาคม 2563 นี้


      จึงเกิดคำถามขึ้นว่า หลังจากนี้ความช่วยเหลือยังจำเป็นต่อไปหรือไม่ และปัจจุบันมีทางเลือกใดอีกบ้าง?
 
 
      ต่ออายุมาตรการทางการเงินถึงต้นปีหน้า


       เมื่อพิจารณาจากภาวะที่เศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญความไม่แน่นอนต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ตราบใดที่การพัฒนาวัคซีนยังไม่นำมาสู่การใช้จริง ภาคธุรกิจยังต้องคงนโยบาย Social Distancing ที่ทำให้มีต้นทุนดำเนินงานเพิ่ม และยอดขายยังไม่กลับสู่ระดับปกติ ดังนั้น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงน่าจะยังมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการดูแลและเยียวยาธุรกิจ SME เพิ่มเติมเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงระยะเวลาที่ยากลำบากนี้ไป ซึ่งอาจกินระยะเวลาช่วงครึ่งแรกของปีหน้าเป็นอย่างน้อย


       เมื่อสถานการณ์ชัดเจนขึ้น ธปท. ก็อาจต้องทบทวนกรอบระยะเวลาของมาตรการว่าจำเป็นจะต้องขยายออกไปเพื่อให้ครอบคลุมระยะเวลาการฟื้นตัวของธุรกิจและความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจนานกว่าสิ้นปี 2564 ที่กำหนดไว้เดิม



 


     มาตรการทางเลือกใหม่
              

      นอกเหนือไปจากการพิจารณาต่ออายุโครงการเดิม ยังมีแนวโน้มการออกมาตรการใหม่เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ไม่ว่าจะเป็น
 
  • โครงการที่เน้นการรักษาตำแหน่งงาน (Job Retention Scheme) มีเงื่อนไขสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ หรือการอุดหนุนสินเชื่อให้เปล่าให้กับผู้ประกอบการ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการจ้างงานได้ตามที่กำหนด ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ลูกจ้างมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพและช่วยยับยั้งการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ ลดปัญหาเชิงสังคมจากการถูกเลิกจ้าง





      ซึ่งผลสัมฤทธิ์ของมาตรการลักษณะนี้อยู่ที่ความพร้อมของระบบข้อมูลที่จะต้องสามารถตรวจสอบทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้างได้ และต้องออกแบบโครงการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจสนใจกู้ยืมและนำสภาพคล่องที่ได้รับไปใช้ในการจ้างงานจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น โครงการ Paycheck Protection Program ที่ภาครัฐจะเปลี่ยนจากเงินกู้เป็นเงินให้เปล่า (Forgivable Loans)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นมาตรการที่ดีกับภาคธุรกิจและการจ้างงาน แต่โครงการลักษณะนี้ก็จะเป็นภาระกับงบประมาณและหนี้สาธารณะค่อนข้างมาก
 
 
  • การโอนสินทรัพย์ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMCs) ช่วยบริหาร ซึ่งมีข้อดีในหลักการตรงที่ช่วยโยกพอร์ตสินเชื่อที่มีแนวโน้มด้อยคุณภาพออกจากงบการเงินและช่วยให้สถาบันการเงินเดินหน้าปล่อยสินเชื่อต่อได้โดยกังวลลดลงต่อปัญหาหนี้เสีย เพิ่มโอกาสปล่อยสินเชื่อให้กับ SME ได้มากขึ้น
 




       ต้องติดตามกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วมาตรการไหนจะเป็นตัวช่วยให้ SME ไปต่อ ซึ่งทั้งการต่ออายุมาตรการสำหรับลูกหนี้หรือออกมาตรการใหม่คงช่วยต่อลมหายใจของลูกหนี้และคุณภาพหนี้ได้อีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าว คงต้องมาควบคู่กับการคงมาตรการช่วยเหลือฝั่งสถาบันการเงินให้นานเพียงพอที่จะประคองภาพรวมให้ก้าวผ่านระยะเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้เช่นกัน



      ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย





www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 

RECCOMMEND: FINANCE

หมัดเด็ด วิธีเอาชนะเงินเฟ้อ ฉบับคุณปู่ Warren Buffett ที่ใครก็ใช้ได้

หนึ่งในปัญหาของคนทำธุีกิจวันนี้คือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เงินเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้าและวัตถุดิบได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แถมขายของก็ไม่ได้ดีเหมือนเก่า เลยชวนมาดูเคล็ดลับบริหารการเงินและลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ จาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อนักลงทุนกัน

รวมสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระหนี้ ธุรกิจไม่สะดุด

ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และวิกฤตที่รุมเร้าเข้ามา อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุด ขาดสภาพคล่องเลยอยากชวนมารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ อย่างน้อยเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ช่วยลดดอกเบี้ย ไปจนถึงอาจได้เงินอีกสักก้อนมาช่วยหมุนเวียนในธุรกิจ

ขายดีอย่างไรไม่ให้มีความเสี่ยง 5 เคล็ดลับบริหารสภาพคล่องจาก บสย.

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเอสเอ็มอีต้องสะดุดหยุดชะงักหรือไปต่อได้ไม่สุด คือ เงินทุนที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ย ต่อให้ขายดีเพียงใด ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็กู้เงินจากธนาคารไม่ได้