SME D Bank เร่งมาตรการ “พัก-ขยาย-เติม” ช่วยลูกค้าได้ผลกระทบ COVID 19

 


     นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการ “พัก-ขยาย-เติม” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม  จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19  โดย ธพว. ทำงานเชิงรุก ส่งพนักงานสาขาทั่วประเทศสำรวจข้อมูลผลกระทบ ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด  ลงพื้นที่เข้าเยี่ยมกิจการ  หรือติดต่อสอบถามผ่านโทรศัพท์ รวมถึง ส่งจดหมายแนะนำเชิญชวนเข้าสู่มาตรการ“พัก-ขยาย-เติม” เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและคลายความกังวลให้กับลูกค้า ธพว. ทุกราย  โดยข้อมูลนับถึงวันที่  5 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา พบว่า   ลูกค้าธนาคารได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว จำนวน 11,894 ราย คิดเป็นภาระหนี้ จำนวน 20,469 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง  นอกจากนั้น เบื้องต้น ลูกค้ามีความต้องการขอวงเงินสินเชื่อใหม่เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง ประมาณ 565  ล้านบาท
 

     ทั้งนี้ ธพว. เร่งพาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเข้าสู่มาตรการ “พัก-ขยาย-เติม” อย่างต่อเนื่อง กำหนดต้องคลี่คลายปัญหาของลูกค้าทุกรายที่ได้รับผลกระทบให้เบ็ดเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2563 นี้  ซึ่งความช่วยเหลือของ ธพว. ครอบคลุมทั้งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางตรง ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ภัตตาคาร ธุรกิจนำเที่ยว ร้านขายของฝากของที่ระลึก ฯลฯ และธุรกิจได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น ธุรกิจ Supply Chain หรือธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางตรง เป็นต้น 
 

     “ธพว.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ พร้อมช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดโควิด-19  ผ่านมาตรการ “พัก-ขยาย-เติม”  เพื่อให้ลูกค้ามีภูมิคุ้มกันทางธุรกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายและมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น รวมถึงป้องกันการตกชั้นของลูกค้า ซึ่งนอกเหนือจากที่ลูกค้าจะติดต่อสมัครเข้าร่วมมาตรการด้วยตัวเองแล้ว ธนาคารเพิ่มความสะดวกสบาย ลงพื้นที่ไปแนะนำมาตรการและติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด” นารถนารี กล่าว
 

     สำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการ “พัก-ขยาย-เติม” สามารถเลือกใช้สิทธิ์ต่างๆ ได้ ประกอบด้วย 1.มาตรการ “พัก” ชำระหนี้เงินต้น สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรง นานสูงสุด 12 เดือน และลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม นานสูงสุด 6 เดือน เพื่อช่วยลดภาระการชำระหนี้และมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเริ่มพักชำระนับจากเดือนถัดไปที่ได้รับการอนุมัติพักชำระหนี้เงินต้น
 

     2. มาตรการ “ขยาย” เวลาชำระหนี้ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ธุรกิจ และสำหรับลูกค้าที่ใช้ บสย.ค้ำประกันเดิม (โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ 5-7  ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทำหน้าที่เป็นหลักทรัพย์ช่วยค้ำประกันให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อได้คล่องตัวขึ้น)  สามารถขยายระยะเวลาค้ำประกันออกไปได้อีก 5 ปี โดยลูกค้าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ
 

     และ 3.มาตรการ “เติม” ทุนดอกเบี้ยถูกเสริมสภาพคล่อง เพื่อให้ลูกค้ามีเงินทุนไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจ   คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ นิติบุคคล 3%ต่อปี ใน 3 ปีแรก วงเงิน 1 ล้านบาทต่อราย และบุคคลธรรมดา 5%ต่อปี ใน 3 ปีแรก วงเงิน 5 แสนบาทต่อราย  ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 7 ปี
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: FINANCE

หมัดเด็ด วิธีเอาชนะเงินเฟ้อ ฉบับคุณปู่ Warren Buffett ที่ใครก็ใช้ได้

หนึ่งในปัญหาของคนทำธุีกิจวันนี้คือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เงินเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้าและวัตถุดิบได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แถมขายของก็ไม่ได้ดีเหมือนเก่า เลยชวนมาดูเคล็ดลับบริหารการเงินและลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ จาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อนักลงทุนกัน

รวมสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระหนี้ ธุรกิจไม่สะดุด

ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และวิกฤตที่รุมเร้าเข้ามา อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุด ขาดสภาพคล่องเลยอยากชวนมารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ อย่างน้อยเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ช่วยลดดอกเบี้ย ไปจนถึงอาจได้เงินอีกสักก้อนมาช่วยหมุนเวียนในธุรกิจ

ขายดีอย่างไรไม่ให้มีความเสี่ยง 5 เคล็ดลับบริหารสภาพคล่องจาก บสย.

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเอสเอ็มอีต้องสะดุดหยุดชะงักหรือไปต่อได้ไม่สุด คือ เงินทุนที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ย ต่อให้ขายดีเพียงใด ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็กู้เงินจากธนาคารไม่ได้