Main Idea
- ไม่มีอะไรง่ายในโลกธุรกิจ ดูได้จากรายงานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ให้ข้อมูลว่า เดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา มีธุรกิจเลิกกิจการไปแล้ว 1,755 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2562
- โดยประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 155 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 97 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร 58 ราย คิดเป็นร้อยละ 3
- ย้อนดูตัวเลขเดือนมกราคม-สิงหาคม 2562 พบว่ามีการเลิกกิจการไปแล้ว 10,016 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมรวม 59,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7
ท่ามกลางความปรารถนาของใครหลายคนที่อยากเข้ามาทำธุรกิจ อยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องตัดสินใจม้วนเสื่อพับกิจการไป ไม่ว่าจะจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ หรือแม้แต่การบริหารจัดการธุรกิจของตัวเอง
สำหรับเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา รายงานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการไปแล้วจำนวน 1,755 ราย เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2562 ที่มีจำนวน 1,594 ราย หรือเพิ่มขึ้นที่ 161 ราย คิดเป็นร้อยละ 10
โดยประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 155 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 97 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 58 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
มูลค่าทุนธุรกิจเลิกกิจการ ในเดือนสิงหาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,933 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2562 ที่มีจำนวน 8,279 ล้านบาท พบว่าเพิ่มขึ้นถึงจำนวน 20,654 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5 เท่า และเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 ที่มีจำนวน 10,156 ล้านบาท จึงเพิ่มขึ้นจำนวน 18,777 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8 เท่า
ในส่วนธุรกิจเลิกกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายเลิกกิจการทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,202 ราย คิดเป็นร้อยละ 68.49 รองลงมาคือ ทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 450 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.64 ลำดับ ถัดมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 88 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 5.01 และทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.86
มาดูตัวเลขธุรกิจเลิกสะสม พบว่า จำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – ส.ค. 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 10,016 ราย เพิ่มขึ้น 299 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค. – ส.ค. 2561) ที่มีจำนวน 9,717 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค. – ส.ค. 2562 มีจำนวน 59,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,782 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีที่ผ่านมา (ม.ค. – ส.ค. 2561) ที่มีจำนวน 55,766 ล้านบาท
ในส่วนธุรกิจที่ยังดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ (ณ วันที่ 31 ส.ค. 62) พบว่ามีจำนวน 743,955 ราย มูลค่าทุน 17.89 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 184,937 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.86 บริษัทจำกัดมีจำนวน 557,767 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.97 และบริษัทมหาชนจำกัด มีจำนวน 1,251 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 0.17
โดยหากแบ่งธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ตามช่วงทุน พบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 441,451 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.34 รวมมูลค่าทุน 0.39 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.18 รองลงมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 216,738 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.13 รวมมูลค่าทุน 0.71 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.97 รองลงมาคือทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 70,466 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.47 รวมมูลค่าทุน 1.91 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.68 และทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,300 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.06 รวมมูลค่าทุน 14.88 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.17 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามแม้ธุรกิจก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ และภัตตาคารและร้านอาหาร จะเป็น 3 อันดับแรกของประเภทธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด แต่หากดูที่จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ จะพบว่า ธุรกิจที่เป็นแชมป์คนอยากเข้ามาทำสูงสุดก็ยังเป็น 3 ธุรกิจนี้ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รายงานประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 547 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 344 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร จำนวน 172 ราย คิดเป็นร้อยละ 3
จึงเรียกได้ว่ายังเป็นธุรกิจที่คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า คนที่จะอยู่รอดได้จึงต้องแข็งแกร่งอย่างแท้จริงนั่นเอง
ที่มา : กองข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี