จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก Krungsri SME Index เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยกรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) สะท้อนมุมมองเชิงบวกของผู้ประกอบการต่อสภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการปรับตัวสูงขึ้นจาก 3.82 ในไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 8.16 ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคบริการที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว รวมทั้งปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ทั้งนี้ สยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ผู้ประกอบการเริ่มมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น ผู้ประกอบการในทุกภาคอุตสาหกรรมทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กในกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ต่างมีมุมมองว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในไตรมาส 1 ปีนี้ ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการ EEC ยังคงเป็นปัจจัยหนุนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในเขตจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทราอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ประกอบการในภาคการค้ายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ แม้ว่าจะลดลงกว่าไตรมาสก่อน
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ใน 3 เดือนข้างหน้าลดลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในแดนบวกที่ 25.42 โดยผลสำรวจบอกด้วยว่า 71% มีความกังวลต่อการดำเนินธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้า ส่วนใหญ่ยังคงเป็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ รองลงมาเป็นความกังวลเรื่องการเมืองและต้นทุน ตามลำดับ
นอกจากนี้ กรุงศรีได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME เกี่ยวกับการเลือกใช้วิธีการจัดจ้างคนภายนอกแทนที่การทำเองในองค์กร (Outsourcing) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ผลสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการ SME มากกว่าครึ่ง (56%) ยังไม่ตัดสินใจจัดจ้างคนภายนอก โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ขนาดเล็กและกลุ่มธุรกิจภาคการค้า อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ประกอบการที่เลือกจัดจ้างคนภายนอก พบว่าอันดับแรกของงานที่จัดจ้าง คือ ด้านการเงินและบัญชี (52%) ตามด้วยด้านการผลิต (12%) ด้านการขนส่ง (10%) ด้านบุคลากร (10%) และด้านอื่นๆ (6%) สำหรับเหตุผลหลักๆ ที่ผู้ประกอบการตัดสินใจจัดจ้างคนภายนอก เพราะต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง (53%) และ เพื่อประหยัดต้นทุน (24%)
ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรี คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 4.1% โดยการใช้จ่ายภายในประเทศจะมีความสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น หลังจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของหลายกลุ่มอุตสาหกรรมแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี ผนวกกับมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP fast track) และการเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องตามการกระเตื้องของรายได้ภาคเกษตร รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการจ้างงานนอกภาคเกษตร
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี