ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ออกนโยบายหลากหลายเพื่อยกระดับธุรกิจเอสเอ็มอีของประเทศให้เติบโตและมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยมุ่งหวังว่าความสำเร็จของธุรกิจเอสเอ็มอีเหล่านี้จะกลับมาเป็นรากฐานที่มั่นคงของเศรษฐกิจต่อไป
ในปัจจุบันธุรกิจเอสเอ็มอีคิดเป็นสัดส่วนกว่า 40% ของ GDP ประเทศ มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรม เป็นแหล่งสร้างงานและกระจายรายได้ให้กับชุมชน อย่างไรก็ตาม หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบอย่างเพียงพอ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการอาจต้องกู้ยืมเงินนอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยสูงเกินจริงจนเสียความสามารถในการแข่งขัน ทางธนาคารเกียรตินาคินเล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ KK SME ขึ้น เพื่อเป็นผู้ช่วยด้านแหล่งเงินทุนให้กับผู้ที่ต้องการต่อยอดหรือขยายธุรกิจเอสเอ็มอี
ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ KK SME ธนาคารมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการได้อย่างครบถ้วน โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกผลิตภัณฑ์แบบทั้งที่ใช้ทรัพย์เป็นหลักประกัน หรือไม่ต้องใช้หลักประกัน โดยแบบมีหลักประกันนั้น ธนาคารให้วงเงินสูงสุดถึง 3 เท่าของมูลค่าประเมิน โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้หลักประกันได้ทั้งอสังหาริมทรัพย์ หรือรถยนต์ โดย KK SME คูณสาม ใช้อสังหาริมทรัพย์ อาทิ บ้าน อาคารสำนักงาน โรงงาน ที่ดิน หรือกระทั่งคอนโดมิเนียมมาประเมินเพื่อเป็นหลักประกัน โดยให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 15 ล้านบาท หรือจะเลือก KK SME รถคูณสาม ที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น รถเก๋ง รถกระบะ หรือรถตู้ อายุไม่เกิน 5 หรือ 8 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถที่นำมาใช้เป็นหลักประกัน หรือ หากผู้ประกอบการไม่มีหลักประกันทั้งสองประเภทที่กล่าวมา ก็สามารถเลือก KK SME Freedom ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การเงินแบบไม่ต้องใช้หลักประกัน โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท
ธนาคารเกียรตินาคินได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม KK SME ขึ้น เพื่อตอบรับและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อปลดล็อคศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นคำตอบด้านเงินลงทุนสำหรับเจ้าของกิจการเอสเอ็มอีที่ต้องการต่อยอดธุรกิจไปได้ไกลกว่าเดิม
หากท่านมีข้อสงสัย หรือสนใจในบริการ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KKP Contact Center โทร 02 165 5555
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี