สั่งสินค้าจากต่างประเทศอย่างไรให้เสียภาษีน้อยที่สุด


เรื่อง : moneyguru
 
    ไม่ว่าใครก็คงเคยซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ หลายๆ คนที่เคยสั่งสินค้าจากประเทศอื่นด้วยตนเองอาจจะทราบดีว่าเมื่อส่งเข้ามาแล้วก็มักจะต้องจ่ายภาษีอากรขาเข้า แม้จะเป็นของใช้ส่วนตัว ของขวัญ หรือของฝากก็ตามหากสินค้าที่ส่งเข้าประเทศมีมูลค่าเกิน 1,000 บาทและไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งหากสินค้าที่มีมูลค่าสูงเกิน 40,000 บาทก็จะต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมในการจัดทำใบขนส่งสินค้าขานำเข้า

    “เงินของใคร ใครก็รัก” ทำให้หลายคนไม่อยากจ่ายภาษีเต็มอัตรา ทางแก้หนึ่งจึงเป็นการให้ผู้ขายระบุราคาหน้ากล่องให้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อจะได้จ่ายภาษีในราคาที่ต่ำลง บ้างก็ได้ผล บ้างก็ไม่ได้ผล ซึ่งขนาดและน้ำหนักของกล่องนั้นมีผลอย่างมากในการโดนสุ่มตรวจ บางคนถึงขั้นโดนสุ่มเปิดกล่องที่ด่านศุลกากร และทำให้สุดท้ายต้องเสียภาษีหนักกันเลยทีเดียว บางครั้งหากคำนวณแล้วว่าค่าขนส่งถูกกว่าภาษีที่ต้องเสีย ก็ควรแยกกล่องส่งจะดีกว่า

    เวลาขนส่งสินค้าจากต่างประเทศซึ่งเป็นสินค้าคนละหมวดหมู่กัน ทางที่ดีควรแยกส่ง เช่น หากคุณส่งเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุคมารวมกับเสื้อผ้า ทางศุลกากรจะประเมินทั้งหมดในอัตราของใช้ส่วนตัวร้อยละ 30 ทั้งที่จริงๆแล้วคอมพิวเตอร์โน้ตบุคควรจะได้รับการยกเว้นภาษีอากรแต่ก็โดนเก็บอยู่ดี และรู้หรือไม่ว่าศุลกากรนำค่าขนส่งมาคำนวณภาษีด้วย ซึ่งการส่งไปรษณีย์แบบ SAL หรือ ลงทะเบียน มีโอกาสต่ำกว่าที่จะโดนสุ่มตรวจ

 
Image courtesy of Stuart Miles / FreeDigitalPhotos.net


 
    แม้จะมีทางเลี่ยง แต่ทางที่ดีคือเราควรคำนวณราคาสินค้า+ภาษี+VAT 7% เพื่อคาดการณ์ไว้ก่อนว่าสรุปแล้วเมื่อเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ราคาสินค้าของคุณรวมแล้วจะเป็นเท่าไหร่  การที่เราซื้อจากผู้ขายรายย่อยในประเทศซึ่งจดทะเบียนการค้าอย่างถูกต้องจะมีราคาถูกกว่าหรือไม่ และที่ดีที่สุด คือการที่หลายคนกำลังทำธุรกิจที่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งการคำนวนภาษีเป็นเรื่องที่สำคัญ จะได้ตั้งราคาขายได้อย่างถูกต้อง ไม่ขาดทุน โดยอาจจะผลักภาระภาษีแก่ลูกค้า หรือแบ่งกันตามแต่นโยบายของแต่ละร้านเป็นต้น ทังนี้ ทาง MoneyGuru จึงนำสูตรการคำนวนภาษีมาให้ดังนี้


 
Image courtesy of Prakairoj / FreeDigitalPhotos.net

    

     สมมุติคุณก. สั่งกระเป๋าแบรนด์เนมจากต่างประเทศมูลค่า9,000บาท ค่าขนส่ง1,000บาท รวมเป็น10,000บาท

    อัตราภาษีร้อยละ 40

    10,000 + 4,000 = 14,000

    เพิ่มVAT ร้อยละ 7 

    7% x 14,000=  980

    สรุปยอดรวมภาษีที่คุณต้องจ่ายเพิ่มคือ 4980 บาท

    เงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับราคาของ ดังนั้น บางทีหากลองสำรวจราคาสินค้าดังกล่าวที่ห้างในประเทศเสียก่อน บางทีในห้างอาจจะถูกกว่าที่สั่งมาเองก็เป็นได้

    หากมีปัญหาเรื่องการเงิน การลงทุน ติดต่อได้ที่ info@moneyguru.co.th หรือ www.moneyguru.co.th



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี


 

RECCOMMEND: FINANCE

หมัดเด็ด วิธีเอาชนะเงินเฟ้อ ฉบับคุณปู่ Warren Buffett ที่ใครก็ใช้ได้

หนึ่งในปัญหาของคนทำธุีกิจวันนี้คือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เงินเท่าเดิม แต่กลับซื้อสินค้าและวัตถุดิบได้น้อยลงกว่าเดิม ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แถมขายของก็ไม่ได้ดีเหมือนเก่า เลยชวนมาดูเคล็ดลับบริหารการเงินและลงทุนในภาวะเงินเฟ้อ จาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อนักลงทุนกัน

รวมสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ช่วยลดภาระหนี้ ธุรกิจไม่สะดุด

ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และวิกฤตที่รุมเร้าเข้ามา อาจทำให้ธุรกิจต้องสะดุด ขาดสภาพคล่องเลยอยากชวนมารีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ อย่างน้อยเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ช่วยลดดอกเบี้ย ไปจนถึงอาจได้เงินอีกสักก้อนมาช่วยหมุนเวียนในธุรกิจ

ขายดีอย่างไรไม่ให้มีความเสี่ยง 5 เคล็ดลับบริหารสภาพคล่องจาก บสย.

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของเอสเอ็มอีต้องสะดุดหยุดชะงักหรือไปต่อได้ไม่สุด คือ เงินทุนที่มีอยู่จำกัดจำเขี่ย ต่อให้ขายดีเพียงใด ถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็กู้เงินจากธนาคารไม่ได้