ในช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงเดือนแห่งการเสียภาษี คงมีผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนไม่น้อยที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วก็ต้องมานั่งคิดคำนวนว่าตอนนี้ธุรกิจทำเงินไปเท่าไหร่แล้ว แล้วจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ แต่ช้าก่อน มีเจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อย ที่สนุกกับการผลิตและการขายจนลืมรอบคอบกับตัวเลขทางบัญชี แม้ธุรกิจไปได้แต่กำไรไม่เหลือ
ดังนั้น ถ้าที่ผ่านมาคุณไม่เคยเก็บหลักฐานอย่างจริงจังว่าธุรกิจคุณทำเงินได้เท่าไหร่ คุณยังไม่รู้เลยว่าธุรกิจที่ทำไปจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คุณบอกไม่ได้ว่าแผนการตลาดของบริษัทเวิร์กหรือเปล่า คุณไม่รู้ตัวเลขผลกำไรที่แน่ชัด เหล่านี้ล้วนเป็นกระจกที่จะสะท้อนบอกว่า จะรู้หรือไม่ว่าธุรกิจของคุณจะต้องเพิ่มผลกำไรได้อย่างไร การที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้น คุณจะต้องทำแผนการเงินและตรวจสอบถึงปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน จากนั้นหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
8 ขั้นตอนต่อไปนี้จะช่วยคุณวางแผนการเงินเบื้องต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. วางแผนการเงิน ด้วยการประเมินว่าคุณน่าจะมีรายรับเท่ารับเท่าไหร่ต่อเดือน รวมทั้งวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นด้วย
2. ตรวจสอบแผนการเงินทุกเดือน ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาในการวางแผนการเงิน คาดเดา กำไร-ขาดทุน แต่เมื่อทำเสร็จแล้วก็ไม่ใช่เอาใส่ไว้ในลิ้นชักแล้วก็จบกัน คุณจะต้องหมั่นเอาปผนการเงินนั้นขึ้นมาตรวจสอบดูอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนด้วย
3. เมื่อขาดทุนไปแล้วไม่สามารถชดเชยได้ เมื่อคุณเปรีบยเทียบแผนการเงินที่วางไว้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าคุณขายได้น้อยเกินไปหรือรายจ่ายมากเกินไป วิธีแก้ไขที่มักพบทั่วไปคือ “เดี๋ยวเดือนหน้าค่อยทำยอดคืน” แต่ปัญหามีอยู่ว่าในความเป็นจริงนั้น เมื่อขาดทุนไปแล้วไม่สามารถนดำยอดเดือนถัดไปมาชดเชยได้ เพราะถ้าผลกำไรเดือนถัดไปต่ำมากก็จะทำให้ผลประกอบการติดลบไปตลอดกาล
4. รีบปรับตัวทันที ดังนั้น ถ้ารายรับได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ ให้พยายามทุ่มกำลังลงไปที่ยอดขายและการตลาดหรือไม่ก็หาหนทางที่จะเพิ่มยอดให้ได้ ถ้าตั้งรายรับในอนาคตไว้สูงมากให้หาทางลดต้นทุนให้ได้ อาจมีธุรกิจคล้าย ๆ กับของคุณอยู่มในตลาดอีกมากมาย ลองศึกษาดูว่าเขามีกลยุทธ์อะไรที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้
5. คิดก่อนใช้ เมื่อคุณเริ่มคิดที่จะทำแผนการเงิน ให้รวมค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายเข้าไปด้วย ประเมินรายรับที่คาดว่าจะได้นำมาเทียบราคาต้นทุนก่อนที่คุณจะซื้ออะไรก็ตามครั้งต่อไป คุณสามารถเพิ่มยอดกำไรได้ง่าย ๆ ด้วยการยืดการซื้อออกไปเป็นเดือนถัดไป หรือสามเดือนถัดไป หรือหนึ่งปีถัดไป
6. อย่าตื่นกลัวที่จะจ้างพนักงาน จริงอยู่ว่าร้านอาหารจะคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเด็กเสิร์ฟ แต่ก็มีธุรกิจอีกหลายอย่างที่จำกัดตัวเองด้วยการไม่จ้างพนักงาน ธุรกิจเกือบจะทุกประเภทสามารถเพิ่มยอดขายได้จากการจ้างพนักงานไม่ว่าจะจ้างประจำหรือทำเป็นสัญญาจ้างคุณเอาสมองของคุณไปคิดเรื่องการเพิ่มยอดขายดีกว่าการไปส่งของ ส่งเอกสารหรือจัดแฟ้มด้วยตัวเอง
7. จ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง ถ้าคุณเปิดบริษัทและมีการจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้า “ไม่” ให้คุณจัดสรรเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้เป็นเงินเดือนของตัวเองทุกเดือน ในแต่ละเดือนที่บริษัททำยอดได้ถึงเป้า ก็ให้จ่ายเงินเดือนตัวเองเต็มจำนวน แต่เมื่อใดที่บริษัททำยอดได้ไม่เป็นไปตามเป้าให้หักเงินเดือนตัวเอง และถ้าทำยอดได้เกินกว่าเป้าก็ให้จ่ายเป็น “โบนัส” ให้ตัวเอง การจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองนี้เป็นการส่งเสริมกระตุ้นให้ตัวคุณกระตือรือร้นที่จะทำให้บริษัทมีกำไร
8. กำไรกับรายรับคนละเรื่องกัน ไม่สำคัญเลยว่า คุณจะทำเงินเข้าบริษัทเดือนละกี่หมื่นกี่แสน ถ้าหากคุณมี่รายจ่ายที่สูงหรือสูงกว่า มีบริษัทที่มีรายรับสูง ๆ หลายแห่งล้มละลายก็ด้วยเหตุนี้ หวังว่าคุณคงไม่เป็นหนึ่งในนั้นก็แล้วกัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี