Text : Yuwadi.s
สำหรับการบางคน ความสำเร็จคือเส้นทางที่เหมือนการวิ่งมาราธอน เพราะมันต้องผ่านความยากลำบากมานักต่อนัก อย่างเช่นเรื่องราวของชายที่ชื่อ อ๊อฟ-กวินวัชร์ ฐิติธนภูรีนนท์ ที่เริ่มต้นเส้นทางธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 19 ปี ผ่านการทำงานมาหลากหลายอาชีพ ล้มเหลวมานับไม่ถ้วน กว่าจะกลายเป็นแบรนด์ที่หลายคนติดใจกับ “TidJai Thai Snack” แบรนด์ของกินเล่นที่มาแรงมากบนโลก TikTok โดยมีสินค้าชูโรงคือมะม่วงฉ่ำที่มีความพิเศษอยู่ตรงการจับคู่กับปลาร้าแซ่บ น้ำพริกปลาย่างและน้ำปลาหวาน ด้วยความแปลกไม่เหมือนใครตามคอนเซปต์ของแบรนด์นั่นคือ “สุดแปลกแต่อร่อย” ทำให้ชื่อแบรนด์ TidJai ติดหูและติดใจลูกค้าหลายคน
จากอายุน้อยร้อยอาชีพสู่เจ้าของแบรนด์ TidJai Thai Snack
อ๊อฟเล่าย้อนให้ฟังว่าช่วงอายุ 19 ปี ที่บ้านล้มละลาย มีหนี้สินหลายสิบล้าน เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มหาเงินและทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
“ช่วงนั้นผมอายุ 19 ปี ที่บ้านเรียกได้ว่าล้มละลายเลย เป็นหนี้เยอะมากหลายสิบล้าน เราต้องดิ้นรน หาเงินเองทุกอย่าง ทำงานสารพัด ทั้งแจกใบปลิว โบกธง แจกของ ขายของตลาดนัด เคยทำอาชีพแปลกๆ อย่างรับส่งน้องหมา พาหมาไปว่ายน้ำ ทีนี้ช่วง 7-8 ปีที่แล้ว เรามีโอกาสเข้ามาทำออนไลน์ เริ่มจากขายพวกอุปกรณ์มือถือ พาวเวอร์แบงค์ ไม้เซลฟี่ เริ่มเอาเข้ามาขายทั้งออนไลน์และตามตลาดนัด”
โดยช่วงนั้น อ๊อฟได้มองเห็นโอกาสของโปรตีนเกษตร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ TidJai เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เขาหยิบเอาโปรตีนเกษตรมาทำเป็นของกินเล่น แต่ด้วยปัญหาในการพัฒนาสินค้า ทำให้แบรนด์ TidJai ต้องพับโปรเจกต์ไปก่อน
“เราเริ่มจากโปรตีนเกษตร ลองกินแล้วมันอร่อย คนน่าจะยังไม่ค่อยรู้จัก ตอนนั้นเราทำควบคู่ไปกับการทำธุรกิจอาหารเสริม สกินแคร์ เริ่มจากเป็นตัวแทนจำหน่าย รับมาขาย ทีนี้ส่วนของ TidJai เราทำแล้วขายดีมาก มีคนมาเป็นตัวแทนเต็มไปหมด แต่มีปัญหาเรื่องน้ำมันที่แก้ไขไม่ได้ เราไม่สามารถแก้ไขเรื่องสะเด็ดน้ำมันให้แห้งจริงๆ พอเวลาทิ้งไว้นานๆ มันไปเยิ้มใต้กระปุก สุดท้ายเลยพับโปรเจกต์ไปก่อน แล้วก็ทำอาหารเสริมและสกินแคร์มาจนถึงทุกวันนี้”
ปัดฝุ่นแบรนด์ TidJai หยิบผลไม้ไทยมาชูโรง
หลังจากเวลาผ่านไป อ๊อฟยังคงทำธุรกิจอาหารเสริมและสกินแคร์แต่ก็ยังมีแบรนด์ TidJai ที่ยังคงติดอยู่ในใจและคิดว่าสักวันหนึ่งจะอยากเอาแบรนด์ TidJai กลับมาปัดฝุ่นและทำใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งอ๊อฟได้มีโอกาสเจอสินค้าตัวหนึ่งนั่นคือผลไม้อบแห้ง แล้วได้ปิ๊งไอเดีย จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ TidJai ที่กลับมาอีกครั้งในปัจจุบัน
“ระหว่างทางที่เราทำธุรกิจ เราก็นึกถึงแบรนด์ TidJai มาโดยตลอด ถ้ามีโอกาสกลับมาทำของกินเราก็อยากชุบชีวิตแบรนด์นี้ขึ้นมา จนต้นปี 2567 มีโอกาสเจอสินค้าหนึ่งเกี่ยวกับผลไม้อบแห้ง น่าสนใจเพราะต่างชาติกินกันเยอะมาก ส่งออกเยอะ เรามีของดีนะแต่จะทำยังไงให้ของดีนี้คนไทยได้กิน เราเลยคิดว่างั้นจะเอามาขายในไทยแล้วจะสร้างความต่างยังไงดี งั้นเราลองทำอะไรที่ฉีกตลาดดู คอนเซปต์เราคือ สุดแปลกแต่อร่อย นี่คือคอนเซปต์ที่เราเริ่มคิดตัวสินค้า ถ้าเราขายมะม่วงอบแห้งธรรมดามันเหมือนคนอื่น เราเลยครีเอทหลายอย่างออกมา ความแปลกเราคือความสร้างสรรค์ เราเลยหยิบมะม่วงอบแห้งขึ้นมาแล้วลองมาจับกับปลาร้า ปลาย่าง น้ำปลาหวาน ต้องขอบคุณแฟนผมเลยที่ช่วยพัฒนากับทางโรงงาน ช่วยกันคิด ปรับสูตร จนออกมาเป็นมะม่วงฉ่ำถึงทุกวันนี้”
ใช้ TikTok เป็นสะพานเชื่อมแบรนด์กับลูกค้า
เมื่อโพรดักส์พร้อมขาย ต่อมาคือการสื่อสารให้คนรู้จัก โดยอ๊อฟได้เน้นการขายออนไลน์เป็นหลัก เนื่องจากเขามีองค์ความรู้ด้านการขายออนไลน์มาอยู่แล้วจากประสบการณ์ทำธุรกิจอาหารเสริมและสกินแคร์
“ผมรู้สึกว่าการสื่อสารมันกว้างและไร้พรมแดนมากๆ เราต้องใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์ วันหนึ่งเราใช้โซเชียลมีเดียกี่ชั่วโมง ถ้าเรากลับมุมคิดว่าเราจะสามารถหาเงินจากโซเชียลมีเดียได้กี่ชั่วโมงบ้าง เราเลยใช้ช่องทางออนไลน์ ก่อนหน้านี้ที่ทำธุรกิจอาหารเสริม เราใช้ออนไลน์มาตลอด มันเลยมีความรู้ในการทำมาใช้กับแบรนด์ TidJai ด้วย ทำให้มันมีโอกาสแมสขึ้นมา จุดที่ทำให้เติบโตได้ไวผมแบ่งเป็น 3 ข้อ 1.ความเฉพาะตัว ความแปลกในตลาดมันยังไม่มีและมันอร่อย เป็นรสชาติที่กินแล้วอยากกินต่อ 2.เราใช้ออนไลน์ในการขยายแบรนด์ 3.ด้วยความที่สินค้ามันแปลกทำให้อยากลอง พอเป็นของกินมันไม่ได้ตัดสินใจซื้อยากขนาดนั้น พอคนอยากลองบวกกันมันอร่อย คนยิ่งบอกต่อกันเข้าไปใหญ่และเราโชคดีที่มีอินฟลูเอนเซอร์หลายคนกินจริง เป็นลูกค้าจริง รีวิวจริงเลยเกิดเป็นเรียลมาร์เก็ตติ้ง เลยบูมขึ้นมา จุดเริ่มที่ขายดีเลยคือคุณบิว คุณโบว์ จุดพลุแรกเลย เป็นคนจุดประกายมะม่วงฉ่ำแบรนด์ TidJai ขายดีมาก ทำไม่ทันเลย ออเดอร์สูงสุดตอนนั้น สามพันออเดอร์ต่อวัน จากที่ขายได้วันละหลักพันบาทสู่หลายแสนบาทเลย”
สำหรับการทำการตลาดของแบรนด์ จะเน้นไปที่คอนเทนต์เพื่อใกล้ชิดและพูดคุยกับลูกค้า สร้างความเป็นกันเอง ทำให้ลูกค้าจับต้องได้และทำให้แบรนด์ TidJai เข้าไปอยู่ในใจลูกค้า
“เราอาจจะไม่ได้เป็นนักคอนเทนต์โดยตรง แต่เราพยายามทำให้เป็นชีวิตมากขึ้น มีความเป็นคนมากขึ้นเพื่อใกล้ชิดลูกค้า เราหยิบคอมเมนต์ลูกค้ามาพูดคุยหรือปัญหาที่ลูกค้าเจอ ใช้ TikTok เป็นสื่อกลางในการพูดคุยและสื่อสารกับลูกค้า เขาคอมเมนต์มา เราก็ยกมาทำคลิป โอเค พี่มีมุมมองแบบนี้ เดี๋ยวผมจะพัฒนานะ ในมุมผมเป็นแบบนี้นะ ผมว่าลูกค้าเป็นจุดสำคัญที่สุด ที่ทำให้แบรนด์เติบโตมากๆ”
ด้วยความที่ผ่านความยากลำบากมาจนประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ อ๊อฟเล่าว่าเขาเคยผ่านความล้มเหลวและท้อมาไม่น้อย แต่สิ่งที่ฉุดเขาขึ้นมาได้นั่นคือการคิดถึงพ่อและแม่ รวมไปถึงหัวใจที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จนั่นคือคำว่า Whatever It Takes
“มีหลายช่วงที่เราท้อ แต่ถามผม ตอนนั้นไอดอลผมคือพี่ต๊อบ เถ้าแก่น้อย เป็นแพสชันในการทำแบรนด์ สตอรี่มีความคล้ายกัน เริ่มต้นตอนอายุ 19 ปีเหมือนกัน เขาเป็นแรงบันดาลใจมากๆ ของผม และทุกครั้งที่ท้อ ผมจะนึกถึงป๊ากับม๊า ทำให้ผมมีพลัง ผมทุ่มเททุกอย่างเพื่อป๊ากับม๊า ถ้าเราเหนื่อยก็จะคิดว่า เราอยากทำให้เขาสบายกว่านี้ไหม ถ้าอยากทำก็ลุยเลยและเรายังอายุน้อยมากๆ มันยังมีแรง พลังอีกเยอะมาก ผมจะถามตัวเองเสมอว่าถ้าผ่านไปอีก 10 ปีข้างหน้าแล้วไม่ได้ทำอะไรจะเสียดายไหม ถ้าเสียใจก็ลงมือทำเลยดีกว่า หัวใจสำคัญของผมมันคือคำว่า Whatever It Takes ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ผมจะเชื่อเสมอว่าถ้าคุณอยากสำเร็จ คุณยอมแลกอะไรบ้างเพื่อจะประสบความสำเร็จ เวลาในการดู Netflix เวลาในการไปเที่ยว ในการเล่นกับเพื่อน เพื่อความสำเร็จ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม เราจะต้องสำเร็จให้ได้ เราต้องอย่ายอมแพ้และอย่าหยุดทำ”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี