TEXT : นิตยา สุเรียมมา
PHOTO : สุนันท์ ล้อสมทรัพย์
ในวัยเด็กใครๆ ก็มีของเล่นชิ้นโปรดด้วยกันทั้งนั้น ถ้าเด็กผู้ชายอาจเป็นหุ่นยนต์ หรือรถแข่ง ถ้าเด็กผู้หญิงก็เป็นตุ๊กตาตัวโปรด แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถต่อยอดจากของเล่นชิ้นโปรด ให้กลายเป็นงาน และสร้างอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ ถ้าไม่ใช่เพราะใจรักจริงๆ แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วกับ สัมพันธ์ ศรีชมภูนุช หรือที่ใครๆ ก็เรียกเธอว่า “เกรซ – ปาณิสรา” เพราะสำหรับเธอตุ๊กตาไม่ใช่แค่ของเล่นชิ้นโปรด แต่คือ ตัวแทนของสิ่งที่อยากจะทำและเป็น
แรงบันดาลใจจากภาพนางงามหลังซองมาม่า
เกรซเล่าว่าเธอเป็นเด็กจังหวัดกำแพงเพชร เริ่มหัดตัดชุดตุ๊กตาตัวแรกเมื่อตอนอายุ 13 ปี แรงบันดาลใจมาจากเห็นภาพนางงามจักรวาลคนหนึ่งในชุดราตรีที่สวยงาม สง่า ติดอยู่ด้านหลังซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จนเธออยากลองเป็นดูบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กผู้ชายยุคนั้น ที่จะแสดงออกอะไรได้ง่ายๆ เกรซ เก็บความชอบและหลงใหลไว้ในใจ จนวันหนึ่งได้มีโอกาสมีตุ๊กตาเป็นของตัวเอง เธอจึงไม่รีรอที่จะปั้นความฝันเล็กๆ ใส่ลงไปบนตุ๊กตาตัวน้อย เพื่อเป็นตัวแทนในสิ่งที่อยากจะเป็น
“จำได้ตอนนั้นเป็นปี 2005 ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส เป็นปีที่ นาตาลี เกลโบว่า ได้ตำแหน่งนางงามจักรวาล มีการโปรโมตผ่านทีวีทุกช่อง หลังซองมาม่ายังมีเลย เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า เอ๊ะ! มีแบบนี้ด้วยเหรอ อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง แต่เราเป็นเด็กผู้ชายหัวโปก การแสดงออกอะไรก็ไม่ง่าย จนวันหนึ่งไปเดินงานวัดกับย่า เห็นเขาขายตุ๊กตา เลยขอให้ย่าซื้อให้ จากนั้นพอเลิกเรียนมากลับถึงบ้าน ก็ลองเย็บชุดตุ๊กตาเล่น โดยเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่มีหัดเย็บเป็นชุดต่างๆ สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง พอนานวันเข้าก็เริ่มไปตีสนิทกับร้านเย็บผ้า เพื่อขอเศษผ้าเขาเอามาเย็บเป็นชุดตุ๊กตา เงินค่าขนมได้มา ก็ไม่เคยกิน เก็บเอาไว้ซื้อลูกปัด เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเริ่มทำงานได้ กลับถึงบ้านก็ยังมานั่งเย็บชุดตุ๊กตาอยู่” เกรซ เล่าที่มาถึงจุดเริ่มต้นให้ฟัง
จากชุดตุ๊กตาเด็กเล่น สู่ชุดตุ๊กตาตัวแรกที่ขายได้
เกรซเล่าว่า เธอทำชุดตุ๊กตาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นงานอดิเรกที่รัก จนอยู่มาวันหนึ่งเมื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook เริ่มเข้ามา โอกาสเปลี่ยนจากงานอดิเรกที่รัก มาเป็นอาชีพหลักก็เกิดขึ้น
“จำได้ตอนปี 2010 เริ่มมีเฟซบุ๊คเข้ามา เราไม่รู้จะโพสต์รูปอะไรดี ก็เลยลองเอาชุดตุ๊กตาที่ทำมาถ่ายรูปโพสต์ลง ปรากกฎว่ามีคนสนใจขอซื้อ จำได้ว่าชุดแรกขายไป 750 บาท รู้สึกดีใจมาก ว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ได้ไรสาระ แต่มันมีคุณค่า และขายได้ เลยเริ่มทำขายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนวันหนึ่งเริ่มรู้สึกจากงานอดิเรกที่ทำอยู่ ทำรายได้แซงงานประจำที่ทำอยู่ ก็เลยตัดสินใจหันมายืดอาชีพทำชุดตุ๊กตาเป็นหลัก จนปี 2014 ก็ตัดสินใจไปประกวดมิสทิฟฟานี่ โดยเอาเงินจากการขายชุดตุ๊กตานี่แหละ ไปเป็นเงินค่าสมัคร 5,000 บาท ผลสรุปออกมา คือ ตกรอบ แต่เราไม่เสียใจเลย กลับดีใจด้วยซ้ำที่ได้ลองทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันมาตลอด จำได้ตอนนั้นพิธีกรพูดแนะนำตัวเราว่า “เธอมีรายได้เสริมจากทำชุดตุ๊กตา ส่งขายต่างประเทศ” เป็นอะไรที่ภูมิใจมาก”
ทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้ ศึกษาด้วยตัวเอง
แต่เมื่อมีคนชื่นชม ก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วย เกรซเล่าว่าการขายชุดตุ๊กตา ณ ตอนนั้นยังได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่ม แต่คนที่ไม่เข้าใจก็จะมองเป็นแค่ของเด็กเล่น เป็นสิ่งไร้สาระ จึงทำให้เธออยากยกระดับวงการชุดตุ๊กตาขึ้นมา ให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น จนเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์ “Grace Panisara”
“จำได้เลย พอคนรู้ว่าเราทำชุดตุ๊กตาขาย ก็มีคอมเมนต์ทั้งบวกและลบ คนที่ไม่เข้าใจก็จะมองว่า “ขายตุ๊กตางานวัดเหรอ เอามาเป็นโปรไฟล์ได้ยังไง” เลยอยากทำให้เขาเห็นว่าการทำชุดตุ๊กตา ก็เป็นงานอีกอย่างที่มีคุณค่าเหมือนกัน เลยเกิดแรงบันดาลใจอยากจะทำชุดตุ๊กตาให้มันไปได้ไกลขึ้นอีก สวยขึ้นได้มากขึ้น ทำได้ยากขึ้น และขายได้ราคามากขึ้น เลยมีการสร้างแบรนด์ หาเทคนิคการทำที่ยากขึ้น
“ซึ่งเกรซไม่เคยไปเรียนดีไซน์เนอร์ ทำแพทเทิร์น หรือตัดเย็บมาก่อนเลย แต่เกรซใช้อินเตอร์เน็ตหาความรู้ และใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางหาเงิน ทุกอย่างเรียนรู้ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด ไปจนถึงงานปักเข็มฝรั่งเศส (Luneville) งานปักชั้นสูง หนึ่งในศิลปะโอตกูตูร์ ที่ด้านหน้าและหลังเหมือนกัน ซึ่งยากมาก แต่เกรซก็ลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง ใช้เวลากว่า 2 ปีเต็มฝึกฝน จนในที่สุดก็สามารถทำได้ ทำให้งานได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ก่อนเราขายลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก ปัจจุบันลูกค้าคนไทยเริ่มแซงขึ้นมาแล้ว จากแต่ก่อนเคยถูกมองว่าไร้สาระ แต่วันนี้เขายอมจ่าย แปลว่าเราทรงคุณค่าจริงๆ”
ไม่จำกัดตัวเอง ขยายฐานลูกค้าออกไปนอกคอมมูนิตี้
เกรซเล่าว่าเธอไม่เคยจำกัดตัวเองอยู่แค่ในวงการคนเล่นตุ๊กตา แต่เลือกที่จะสร้างโอกาสโดยพาตัวเองออกไปสู่สายตาคนภายนอกให้มากขึ้น ดังนั้นชุดตุ๊กตาของเธอจึงไม่ได้ขายให้แค่คนที่ชอบเล่นตุ๊กตาเท่านั้น แต่ยังขายให้กับนักสะสม, เจ้าสาว, ดารา, นางงาม, นักประกวดชุดตุ๊กตา ไปจนถึงเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษให้กับแบรนด์ดัง, องค์กรต่างๆ รวมถึงคนทั่วไปที่ชื่นชอบ หรืออยากนำไปมอบเป็นของขวัญ โดยนอกจากชุดตุ๊กตาแล้ว ยังรับทำตุ๊กตาของขวัญ ที่สามารถออกแบบหน้าตา, ทรงผม, เครื่องประดับ, ชุด ได้ตามที่ต้องการได้ด้วย
“อย่างที่บอกคอมมูนิตี้เรามันเล็กมากๆ ถ้ามองแค่ในวงการตุ๊กตา เราจึงพยายามกระจายผลงานออกไปให้มากขึ้น ไม่ว่าใครก็สามารถมาซื้อผลงานของเราได้ เพื่อเพิ่มโอกาสทำรายได้ให้กับตัวเองระยะยาว ไปต่อได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด”
โดยชุดตุ๊กตาแบรนด์ Grace Panisara ส่วนใหญ่จะเป็นชุดราตรี มีการตัดเย็บ และปักอย่างประณีต ละเอียด ราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 4,500 บาท ไปจนถึง 20,000 กว่าบาท ใช้ระยะเวลาในการตัดเย็บอยู่ที่ 3-14 วัน แล้วแต่ความยากง่ายของชุด สำหรับตุ๊กตาของขวัญ+ชุด เริ่มต้นที่ราคา 18,500 บาท ไปจนถึงสามหมื่นกว่าบาทก็มี
สำหรับขั้นตอนการสั่งทำชุดตุ๊กตา จะเริ่มต้นจากลูกค้าติดต่อส่งแบบมาให้ดูก่อน จากนั้นจึงจะทำการประเมินความยากง่าย วัสดุที่ต้องใช้ ระยะเวลาการทำ และจึงค่อยประเมินราคา
“เวลาลูกค้าส่งแบบมา ไม่ใช่ว่าเราจะทำตามแบบได้เลยร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ทีแรก ต้องประเมินดูก่อน ทั้งวัสดุที่ใช้ เทคนิคการทำ เพราะบางเทคนิคยอมรับตรงๆ ว่าเราก็ทำไม่ได้ ก็ต้องคุยกันก่อนว่าถ้าได้ประมาณนี้ 80% เขาโอเคไหม โดยแต่ละชุดที่ทำออกมา เราแทบไม่ใช้แพทเทิร์นซ้ำกันเลย นอกจากลูกค้าขอให้ทำซ้ำขึ้นมาใหม่ เราชอบทำอะไรใหม่ๆ เพราะคนดูก็ตื่นเต้น ลูกค้าตื่นเต้น คนทำก็ตื่นเต้น สมมติชุดราคา 16,000 บาท เกรซสามารถทุ่มต้นทุนได้ 5-6 พันบาทเลย เพราะคิดเสมอว่าชีวิตเราไม่รู้จะยืนยาวถึงแค่ไหน ถ้าทำแล้ว ก็ขอทำให้สุด ทำให้เป็นตำนานไว้ก่อนดีกว่า ทุกวันนี้รายได้เฉลี่ยตกเดือนหนึ่งก็ประมาณ 3-4 หมื่นบาท บางเดือนเคยได้เป็นแสนก็มี แล้วแต่งานที่เข้ามาเลย”
ในวันนี้ไม่เพียงได้ทำในสิ่งที่รัก มีรายได้เลี้ยงตัวเอง ชุดตุ๊กตายังพาเธอไปถึงความฝันในวัยเยาว์ที่ฝันว่าสักวันจะไปถึงเวทีประกวดนางงามจักรวาลด้วย
“เป็นความโชคดีมากที่เราได้ทำชุดให้กับมิสยูนิเวิร์สตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปีล่าสุดนี้ และมีโอกาสได้นำไปมอบให้ด้วยตัวเอง เราทำขึ้นมาจากแพสชั่นของตัวเอง ทำเพราะความรัก ไม่ได้มีใครมาจ้าง ซึ่งตอนแรกที่ทำ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เอาไป เพราะแค่ได้ทำออกมาเราก็ฟินแล้ว เราแค่ตั้งใจไปร่วมงานเฉยๆ และถือใส่กระเป๋าติดไปด้วย แต่บังเอิญได้เจอผู้ใหญ่ใจดีให้โอกาส ตุ๊กตาของเราก็เลยถึงมือนางงามจักรวาลด้วยตัวเอง ตั้งใจว่าจะทำปีนี้อีกปีที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สอีกครั้ง นึกย้อนไปถ้าวันนั้นเราสนคำคนว่า ทำไม โตแล้วยังเล่นชุดตุ๊กตาอีก เราทำไม่ได้หรอก อย่าทำเลย ก็คงไม่มีเกรซ ปาณิสราในวันนี้ คนอื่นอาจไม่เชื่อในตัวเรา แต่เราต้องเชื่อตัวเอง” เกรซ กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้
ข้อมูลติดต่อ
FB : Doll Fashion by GRACE Panisara
IG : grace_panisara
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี