เรียบเรียง : Phan P.
หากสังเกตเห็นใครติดสติกเกอร์รูปดาวสีเหลืองสดใสบนหน้า ลองเดาดูสิว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร?
สติกเกอร์รูปดาวเล็กๆ นี้ จริงๆ แล้วก็คือผลิตภัณฑ์รักษาสิว ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยบน TikTok จะพบว่ามีวิดีโอที่พูดถึงแผ่นแปะสิวมากกว่า 500 ล้านรายการ และมีมากกว่า 60 ล้านรายการที่พูดถึงแผ่นแปะสิว Starface
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าตลาดของแผ่นแปะสิวจะเติบโตจาก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2576 ตามการวิจัยล่าสุดของ Spherical Insights โดยหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้แผ่นแปะสิวเติบโตสูงเช่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก Starface World สติกเกอร์รูปดาวที่ขายดีที่สุด
จุดเริ่มต้นของ Starface ในตลาดแผ่นแปะสิว
Starface World หรือเรียกสั้นๆ ว่า “Starface” เปิดตัวโดย Julie Schott อดีตบรรณาธิการด้านความงามของนิตยสาร Elle และ Brian Bordainick ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ เมื่อปี 2562 และจากวันนั้น Starface มียอดจำหน่ายแล้วกว่า 1,000 ล้านชิ้น และคาดว่าในปี 2567 จะมีรายได้ประมาณ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยปกติผลิตภัณฑ์รักษาสิวนั้น มักจะถูกออกแบบมาเพื่อปกปิดสิว แต่ Starface กลับทำในสิ่งที่ต่างออกไป ด้วยตั้งใจที่จะพลิกแนวคิดนั้น และทำให้สิวที่ไม่ใครอยากเป็น กลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่ารื่นรมย์ ด้วยสติกเกอร์รูปดาวห้าแฉกและเฉดสีที่สดใส เช่น เหลืองสด ดำสนิท แดงอมม่วง รวมถึงสีรุ้ง
ผลิตภัณฑ์ของ Starface จะขายเป็นแพ็กๆ ละ 32 ดวง โดยมีราคาอยู่ที่ 10.99-16.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ วางมีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร ทั้งแบบขายตรงถึงผู้บริโภคบนเว็บไซต์ของ Starface และผ่านผู้ค้าปลีก
เจาะตลาด Gen Z
ใครจะคิดว่า แผ่นแปะสิวเหล่านี้จะกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นสำหรับ Gen Z และ Gen Alpha อย่างรวดเร็ว
เพราะหลังจากเปิดตัวไม่นาน คนดังในกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียล เช่น มิลลี บ็อบบี บราวน์ และ จัสติน บีเบอร์ ก็ถ่ายรูปใบหน้าที่ติดแผ่นแปะดังกล่าวขณะออกไปทำธุระ ขณะที่วัยรุ่นก็โพสต์วิดีโอบน TikTok และ YouTube พร้อมกับติดแผ่นแปะสิวไปโรงเรียน
คาร่า บราเธอร์ส ประธานบริษัท Starface กล่าวว่า ลูกค้าของ Starface ประมาณ 60% คือกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha
“Starface ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งในตอนนั้นผู้คนจำนวนมากอยู่บ้านและนิยมสวมแผ่นแปะสิวสีสันสดใสระหว่างวิดีโอคอล”
บราเธอร์ส เชื่อว่าการใช้โทนความสดใสจะทำให้ Starface มีจุดเด่นเหนือแบรนด์แผ่นแปะสิวอื่นๆ รวมถึงการคอลแลบส์กับการ์ตูนดังเพื่อทำรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น อย่าง SpongeBob SquarePants และ Hello Kitty
นอกจากนี้ เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าที่อายุน้อยกว่ามากยิ่งขึ้น Starface ยังใช้มาสคอต “Big Yellow” ซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ดาวสีเหลืองของแบรนด์ มาช่วยสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย
แผ่นแปะสิวของ Starface ได้ผลจริงไหม?
หากจะพูดถึงประสิทธิภาพการรักษาสิวด้วยแผ่นแปะสิว คงต้องย้อนไปในช่วงปลายปี 2553 ที่แผ่นแปะสิวรุ่นแรกถือกำเนิดขึ้น เมื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่าง Hero และ Peace Out เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีสีเนื้อและโปร่งแสง อย่างไรก็ตาม พลาสเตอร์ไฮโดรคอลลอยด์ก็ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่อะไร เพราะถูกใช้เป็นแผ่นปิดแผล ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรและนำมาใช้ในโรงพยาบาล และอื่นๆ ในช่วงทศวรรษปี 1970 มาแล้ว
Starface มีส่วนผสมสำคัญคือ ไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก และไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และบางชนิดอาจใส่ส่วนผสม กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่จะออกฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอักเสบ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงถกเถียงกันว่า Hydro-Stars ของ Starface และแผ่นแปะสิวโดยทั่วไปจะสามารถช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งความคิดเห็นของลูกค้ามีทั้งดีและไม่ดี บางคนบอกว่า Hydro-Stars ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินจากสิวได้ ในขณะที่บางคนบอกว่าแผ่นแปะนี้ใช้ได้ดีกว่าเมื่อใช้เป็นเครื่องประดับแฟชั่น เป็นต้น
ที่มา : https://www.cnbc.com
Photo : instagram @starface
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี