TEXT : Neung Cch.
Main Idea
- จะทำอย่างไรให้ขนมที่บ้านสร้างรายได้มากกว่าเก่า
- นั่นคือโจทย์ของทายาท “ขนมหม้อแกงลุงเอนก” ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจที่บ้าน เปลี่ยนภาพลักษณ์ขนมหม้อแกงใหม่
- นี่คือ เส้นทางการต่อสู้กับบุพการีที่ไม่เชื่อว่า “หม้อแกงอัดกระป๋อง” จะเกิดขึ้นได้จริง
“เวลาพ่อมาเห็นปุ๊บ เอ๊าเอาอีกแล้ว ทำแล้วก็ไม่สำเร็จ ทำแล้วก็ทิ้ง ทำไมไม่เลิกทำสักที” นั่นคือประโยคที่ทำให้ ประวิทย์ เครือทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรบุรี ไทยดีเสิร์ท จำกัด รู้สึกว่าบั่นทอนจิตใจ เมื่อเขาต้องการจะเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตขนมหม้อแกงของทางบ้านให้เป็นขนมหม้อแกงแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใคร
และไม่ต้องการให้เกิดการเปรียบเทียบ หรือถูกโจมตีว่าไม่ใช่ขนมหม้อแกงของแท้เมื่อครั้งเขาปรับความหวานลงเพื่อให้ดีต่อผู้บริโภค ยิ่งทำให้เขาต้องสร้างจุดยืนของตัวเองขึ้นมาให้ได้
Q : เคยคิดไหมว่าจะต้องกลับมาช่วยที่บ้านขายขนม
จริงๆ พ่ออยากให้มาช่วยขายขนม แต่ผมมองว่างานประจำที่ผมทำมีรายได้ค่อนข้างสูง หากออกมาทำขนมแล้วต้องมีรายได้มากกว่าเงินเดือน และถ้าผมกลับมาทำ ต้องไม่ทำเหมือนเดิม ต้องมีความแตกต่าง
Q : ขั้นตอนการปฏิวัติการทำขนมแบบใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
มีปัญหาเยอะมากๆ เพราะสิ่งที่พ่อทำไว้ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จ ในรุ่นเดียวกันพ่อผมมีรถปิ๊กอัพ แต่คนอื่นมีรถมอเตอร์ไซด์ เขาคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องมันดีแล้ว เขาก็พยายาม force เราว่าทำไมไม่ทำแบบนั้น ซึ่งผมบอกเขาว่าถ้าทำเหมือนพ่อ ดีที่สุดก็เหมือนเขา แต่ถ้าเราใส่ความคิดสร้างสรรค์ทำให้มันแปลกออกไป ผมก็เชื่อว่ามันน่าจะดีกว่าหรือเท่าเขา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ
สาระสำคัญในการลดความขัดแย้งคือ ต้องทำให้เขาดูอย่างเดียวเลย ผมพยายามทำให้เขาเห็นว่ามันทำได้ ตอนที่ผมจะเริ่มทำหม้อแกงอัดกระป๋อง พ่อบอกทำไมไม่ทำเหมือนของเก่าที่มันขายได้ชัวร์ๆ ไปทำของที่แปลกทำไม ทดลองทำแล้วก็ต้องทิ้ง ทำแล้วจะขายได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันจะดังหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำไมไม่ทำที่ขายได้ชัวร์แล้วก็ทำมาขายเยอะๆ ผมก็บอกว่าผมอยากทำให้ดีกว่าของเดิม ขอโอกาสลองทำหน่อย ถ้าไม่ดีก็จะเลิกแล้วก็จะทำตามที่พ่อบอก แต่ถ้าทำได้ดีขอโอกาสทำต่อ
Q : กำเนิดหม้อแกงอัดกระป๋อง
เรามองว่าเราคิดมาดีแล้ว เราไม่ได้นั่งเทียนมา คือผมมีข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยกับลูกค้าคือ ทำไมเวลาทานขนมหม้อแกงหยิบจับต้องเลอะมือ ถาดก็ใหญ่ ทานก็ไม่หมด เก็บไว้เป็นของเก่าก็ไม่ค่อยอร่อย พอได้ข้อมูลมาเราก็ถึงเวลาละที่ต้องทำตัวใหม่ๆ มีความต่างใส่ความคิดสร้างสรรค์ไปเพิ่ม
ตอนแรกๆ แค่ทำให้ถาดเล็กลง ยังไม่มีความแปลกแตกต่าง เผอิญช่วงนั้นผมไปเจอ ถ้วยอาหารหมา เพ็ดดีกรี ก็เลยปิ๊งไอเดียเราน่าจะนำมาใส่ขนมหม้อแกงได้เพราะหยิบจับทานง่ายไม่เลอะมือ และถ้วยมีขนาดกำลังพอดี จึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าเมืองไทยทำถ้วยแบบนี้ไม่ได้ ต้องนำเข้าจากยุโรปก็เลยประสานไปแต่ราคาค่อนข้างแพง
Q : ต้องใช้เวลาแค่ไหนหม้อแกงอัดกระป๋องถึงได้รับการยอมรับ
ขนมหม้อแกงตัวนี้เริ่มประสบความสำเร็จได้สัก 3 ปีแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องลองผิดลองถูกอยู่ 6 เดือนรวมทั้งกว่าจะหาภาชนะ กว่าจะได้รสชาติที่เหมาะสม ต้องทำแล้วทิ้งไปเยอะ ใช้เวลาหนึ่งปีวางจำหน่ายได้
แต่สาระสำคัญคนที่บั่นทอนจิตใจมากที่สุดคือพ่อครับ เวลาพ่อมาเห็นปุ๊บ เอ๊าเอาอีกแล้ว ทำแล้วก็ไม่สำเร็จ ทำแล้วก็ทิ้ง ทำไมไม่เลิกสักที เขาก็ย้ำประโยคเดิมๆ ซึ่งผมก็ได้แต่บอกว่าต้องใช้เวลา
ช่วงแรกทำออกมาแล้วขายไม่ได้ แต่พอเริ่มมีรายการต่างๆ มารีวิว พอมีการสื่อสารออกไปทุกคนก็กล้าลอง พอลองปุ๊บก็ติดใจรสชาติที่เราทำก็ถูกใจคนรุ่นใหม่ไม่หวานเกินไป เนื้อนิ่มลง เราทำถุงบรรจุภัณฑ์ให้ดูสวยน่ารักเหมาะแก่การเป็นของฝากยุคใหม่
พอเริ่มขายดีก็เริ่มมีคนเลียนแบบ เราก็พยายามหนีไปอีกขั้น โดยไปดิวกับผู้ผลิตเครื่องจักรประเทศจีนที่เป็นเครื่องจักรเดียวในโลกที่เป็นเครื่องปิดฝาเฉพาะตัวนี้เลย เครื่องตัวนี้จะทำให้ปิดสนิทสะอาด คนไม่ได้สัมผัสเนื้อขนมเลย ที่สำคัญอากาศไม่เข้าออก ไม่มีออกซิเจนด้านในเชื้อโรคก็ไม่มีอากาศหายใจเติบโต ทำให้ขนมอายุยืนกว่าปกติโดยที่ไม่ต้องใส่สารกันเสีย เก็บได้ในตู้เย็น 2 สัปดาห์ นอกตู้เย็น 2 วัน
Q : เหตุผลใดไม่ล้มเลิกความคิดที่จะทำขนมหม้อแกงแบบใหม่ทั้งๆ ที่ถูกบั่นทอนและใช้เวลานาน
ผมเชื่อว่าถ้าขนมของเราไม่มีเอกลักษณ์ที่เป็นเฉพาะของเราก็ไม่ถูกสร้างเป็นชื่อเสียง ไม่ถูกสร้างความจดจำ ที่สำคัญไม่มีจุดเด่นอะไรที่จะขายคนอื่นได้ เราเกิดทีหลังคนอื่น ใครมาซื้อขนมเพชรบุรีก็จะพูดถึงแต่ร้านแม่ๆ ถ้าทำเหมือนคนอื่นก็จะเหมือนคนอื่น แต่ถ้าเรามีสินค้าตัวชูโรง มีความแปลกสร้างสรรค์ เขาจะนึกถึงเรา นึกถึงโรงงานลุกอเนกขนมหวานเมืองเพชร์
สมัยก่อนผมโดนโจมตีนะ ตอนที่ผมทำขนมหม้อแกงแล้วปรับลดเรื่องความหวาน ทุกคนบอกผมเป็นขนมหม้อแกงปลอม ขนมหม้อแกงเพชรบุรีต้องหวานมัน เข้มข้น ผมมองว่าหวานไปไม่ดีกับผู้บริโภค พอเราทำเป็นกระปุก ทำรูปแบบใหม่ ไม่ต้องถูกเปรียบเทียบกับของดั้งเดิม ให้ข้อมูลไปเลยว่าเป็นขนมยุคใหม่ ได้กลุ่มลูกค้าใหม่
Q : เป็นวิธี disrupt ธุรกิจตัวเองหรือไม่
ถูกอย่างนั้นเลยครับ ถึงแม้ขนมแบบเดิมมีความต้องการอยู่แต่ไม่สามารถโตได้กว่านี้ ถามว่า 10 ปีที่แล้วผมขายหม้อแกงแบบเดิมได้เท่าไหร่ปัจจุบันก็ยังขายอยู่เท่าเดิมหรืออาจจะลดลง ปกติพ่อแม่ผมทำขนมขายวันหนึ่งได้ประมาณ 2-4 พันบาท ช่วงเทศกาลขายดีก็จะได้ประมาณ 4 พันบาท แต่ขนมหม้อแกงของผมเฉลี่ยวันละแสนกว่าบาทเคยขายได้สูงสุดถึงวันละ 2 แสนบาท
Q : ขายดีจนต้องสร้างโรงงาน
จริงๆ เราไม่ได้อยากทำโรงงาน เราเพียงอยากทำขนมให้ได้ตามมาตรฐาน เริ่มมาเป็นโรงงานสัก 5-6 ปีที่แล้ว รับทำขนมหวานต่างๆ ปัจจุบันเราทำขนมที่หลากหลาย มีทั้งรับจ้างผลิต อาทิ มีลูกค้าสั่งขนมฝอยทองเป็นตันเพื่อเอาไปทำไส้ขนมปัง หน้าขนมเค้ก ไอศกรีม ปัจจุบันมี 3 โรงงาน เปิดเป็นบริษัทสองปีที่แล้วชื่อบริษัท เพชรบุรี ไทยดีเสิร์ท จำกัด นอกจากรับจ้างผลิต แล้วเรายังขายขนมในแบรนด์ลุงอเนก และบ้านเดือนขนมไทย
Q : ทุกวันนี้ได้รับการยอมรับจากทางบ้านหรือยัง
เวลามีลูกค้ามาซื้อขนมที่ร้าน ผมก็จะได้ยินคุณพ่อบอกว่า ขนมร้านนี้ดีนะ ขนมเค้าอร่อย สร้างสรรค์นะ ซื้อไปฝากสิอร่อยนะ อันนี้เหมือนพ่อยอมรับเราแล้ว ปกติพ่อผมเป็นคนปากแข็ง พูดห้วนๆ สั้นๆ ไม่ค่อยชมใคร พอผมได้ยินพ่อพูดกับลูกค้าแบบนั้นแล้วดีใจ ผมรู้สึกน้ำตาจะไหลทุกทีเวลาพูดถึงประโยคพวกนี้ แสดงว่าสิ่งที่เราทำมาถูกทาง ได้รับการยอมรับจากพ่อ สามารถพัฒนาขนมได้อีกมากมาย อาทิ หม้อแกงชีสเค้ก
สิ่งหนึ่งที่ทำให้มาถึงจุดนี้ ผมคิดว่า คนเก่งไม่ได้วัดกันที่ว่าใครคิดเก่ง คนเก่งวัดกันที่ใครแก้ปัญหาได้มากกว่า ถ้าวันนั้นเกิดปัญหาผมไม่ยอม ต้องการเอาชนะ เขาว่าผมรั้น ซึ่งความรั้นกับความไม่ยอมแพ้ต่างกันนิดเดียว ถ้างานนี้ไม่สำเร็จผมกลายเป็นคนรั้น แต่ถ้าสำเร็จแสดงว่าผมไม่ยอมแพ้ ผมต้องไม่ใช่คนรั้นผมต้องเป็นคนไม่ยอมแพ้
ทุกวันนี้ผมถือว่าประสบความสำเร็จในขั้นต้น ผมมีเป้าหมายข้างหน้ารออยู่ที่ใหญ่กว่าคือ การยกระดับขนมเมืองเพชรบุรีให้เป็นที่ยอมรับในไทย และต้องเป็นที่ยอมรับของคนต่างชาติ เช่นเดียวกับ ขนม มากาลอง
ข้อมูลติดต่อ Facebook: โรงงานลุงเอนกขนมหวานเมืองเพ็ชร์ โทรศัพท์ : 089 796 5052 |
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี