จับควันพิษมาทำหมึกย้อมผ้า Air Ink นวัตกรรมแฟชั่นสุดล้ำ! ที่ดีต่อโลก โดดเด่นต่อแบรนด์

TEXT : กองบรรณาธิการ
PHOTO : Ari Ink, Pangaia





        ควันพิษในอากาศทั้งจากการเผาไหม้ท่อไอเสียรถยนต์ การผลิตไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ล้วนส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพร่างกายของผู้คนมากมาย
               

         แต่จะเป็นยังไงถ้าอยู่ดีๆ วันหนึ่งจากควันพิษที่แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย จะสามารถนำมาผลิตเป็นหมึกพิมพ์ผ้าได้ เพื่อช่วยแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ และยังช่วยสร้างความโดดเด่นและน่าสนใจให้กับสินค้าขึ้นมาได้แบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย
               

         เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากแนวคิดของแบรนด์เสื้อผ้าสตรีทแฟชั่นที่มีชื่อว่า Pangaia” ซึ่งมีความพยายามที่จะคิดหาวิธีแสดงความจริงใจและช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน เพราะอย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นเองนั้นก็มีส่วนร่วมในการสร้างผลกระทบให้กับสิ่งแวดล้อมมากเช่นกัน ตั้งแต่การบริโภคที่ฟุ่มเฟือย ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรการผลิต การใช้น้ำปริมาณมากเพื่อชะล้างสีย้อมผ้าจากเคมี พลังงานไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย



               

       โดยแบรนด์ไม่ได้เป็นผู้ผลิตขึ้นมาเอง แต่เป็นการจับมือร่วมกับ “Graviky Labs” ห้องแล็บที่มีการวิจัยดักจับคาร์บอนหรือควันพิษในอากาศผลิตเป็นหมึกพิมพ์ลงบนวัสดุต่างๆ โดยมีชื่อว่า “Air Ink” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทดลองผลิตเป็นหมึกพิมพ์สำหรับใช้เขียนกับปากกาออกมาแล้ว ล่าสุดจึงได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจนได้เป็นสีสำหรับใช้ย้อมผ้าหรือสกรีนลงบนเนื้อผ้าขึ้นมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการนำหมึกคาร์บอนนี้มาใช้บนเสื้อผ้าและวงการแฟชั่น
               

        วิธีการเปลี่ยนควันพิษให้กลายมาเป็นหมึกได้ คือ ขั้นตอนแรกจะมีการดักจับอนุภาคเล็กจากควันพิษในชั้นบรรยากาศด้วยอุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า “Kaalink” ซึ่งมีรูปทรงคล้ายกระบอกลมติดตั้งเข้ากับท่อไอเสียรถยนต์ เครื่องปั่นไฟฟ้าพลังดีเซล หรือปล่องควันโรงงาน เพื่อดักอนุภาคคาร์บอนก่อนถูกปล่อยสู่บรรยากาศ


       จากนั้นจะถูกนำเข้าสู่ห้องแล็บเพื่อแยกโลหะหนัก ฝุ่น และสารก่อมะเร็งออก ให้คงเหลือแต่เพียงผงคาร์บอนเพื่อนำมาผสมกับตัวทำละลาย และผลิตเป็นหมึกออกมาในที่สุด มีการอ้างอิงว่าการใช้หมึก Air-Ink เพียงหนึ่งออนซ์เท่ากับลดมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ที่ปล่อยออกมานานถึง 45 นาทีเลยทีเดียว



               

        หลังจากได้มีการทดสอบนำมาพิมพ์ลงบนเนื้อผ้าได้เป็นผลที่น่าพอใจแล้ว แบรนด์ Pangaia ก็นำมาพิมพ์เป็นลวดลายต่างๆ เช่น ดอกไม้ ตัวอักษรลงบนชุดเสื้อผ้าแฟชั่น และหมวกของแบรนด์ ภายใต้สโลแกนที่น่าสนใจว่า “อย่าหายใจเอามลพิษเข้าไป แต่จงนำมันมาสวมใส่แทน” จึงทำให้เกิดเสียงฮือฮาในวงการแฟชั่น เพราะยังไม่เคยมีผู้ผลิตรายใดนำหมึกชนิดดังกล่าวนี้มาใช้สินค้ามาก่อน
               

       โดยแม้ปัจจุบันนี้ต้นทุนของหมึก Ari Ink อาจแพงกว่าหมึกสีดำทั่วไปถึงสองเท่า แต่ดัวยลักษณะโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร แถมเฉดสีที่ได้ก็เป็นสีดำที่สวยงามแตกต่างจากที่มีในท้องตลาด แม้แต่บริษัทผลิตสีหลายแห่งก็ยังผลิตขึ้นมาได้ยาก เพราะนี่คือ สีจากคาร์บอนจริงๆ
               

       สินค้าคอลเลคชั่นนี้ของ Pangaia จึงเป็นเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ นอกจากจะได้ช่วยลดมลภาวะในอากาศให้ลดน้อยลงได้แล้ว ยังเป็นการทำงานแบบนอกกรอบที่พยายามแสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ น่าสนใจมาใช้กับการทำธุรกิจ งานนี้จึงเรียกว่าได้ทั้งความเท่ไม่ซ้ำใคร แถมได้ใจลูกค้าในการเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปแบบเต็มๆ ด้วย



 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

รวม 3 แบรนด์มะขาม รายได้ 100 ล้าน

พาไปส่อง 3 แบรนด์มะขามดัง ทั้งมะขามสารัช บ้านมะขาม และจี๊ดจ๊าด ที่บอกเลยว่ารายได้ไม่ธรรมดา เพราะเติบโตจนมีรายได้หลัก 100 ล้านบาท

The Bus Collective เปลี่ยนรถบัสเก่าเป็นโรงแรมสุดชิค ผสานดีไซน์ล้ำกับการท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างลงตัว

โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนรถบัสปลดระวางให้กลายเป็น “ที่พักระดับพรีเมียม” โปรเจกต์นี้ไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าใหม่จากทรัพยากรที่หมดอายุการใช้งาน แต่ยังตอบโจทย์เทรนด์ การท่องเที่ยวยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก